เลมอน เป็นผลไม้รสเปรี้ยวที่ให้วิตามินซีสูง ช่วยบรรเทาอาการแพ้และเจ็บคอ นอกจากนี้ ยังมีสารซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์ และสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อร่างกายอีกมากมาย

ทำความรู้จักกับ เลมอน ผลไม้วิตามินซีสูง

เลมอน มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางแถบตะวันออกของอินเดีย และได้รับความนิยมเป็นวงกว้างมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะช่วยชูรสชาติความเปรี้ยวให้ทั้งเครื่องดื่มและอาหาร มีรสสัมผัสที่เปรี้ยวเด่นชัด และความหอมที่ติดจมูก นอกจากนี้ เลมอนยังมีสรรพคุณในการรักษา และชะลอการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคโลหิตจาง โรคมะเร็ง และโรคหัวใจ อีกทั้งยังป้องกันหวัดได้ด้วย เพราะเลมอนมีวิตามินซีสูงนั่นเอง

ผลไม้ตระกูลซิตรัส

หลายคนอาจยังสงสัยว่าระหว่างเลมอนกับมะนาวนั้นแตกต่างกันอย่างไร? เพราะถึงแม้จะเป็นผลไม้ตระกูลเดียวกัน แต่ความแตกต่างคือมะนาว หรือ Lime จะมีลักษณะลูกสีเขียว กลมเล็ก แต่เลมอนจะมีสีเหลือง หรืออีกชื่อเรียกว่ามะนาวนมยานนั่นเอง1

สรรพคุณ และประโยชน์ต่อสุขภาพของเลมอน

นอกจากเลมอนจะทำให้อาหาร หรือเครื่องดื่มมีรสชาติที่ดีขึ้นแล้ว สรรพคุณของเลมอนก็ยังมีอีกมากมาย เพราะมีวิตามินซี และสารอาหารอื่นๆ ที่ช่วยบำรุงรักษา รวมถึงป้องกันโรคต่างๆ โดยสรรพคุณ และประโยชน์ของเลมอน มีดังนี้

เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย

เลมอนมีสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย คือ วิตามินซี ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย แม้จะยังไม่มีงานวิจัยยืนยันว่าเลมอนช่วยทำให้ติดหวัดได้น้อยลง2 แต่สรรพคุณที่เลมอนมีก็คือช่วยทำให้ไข้หวัดที่เป็นอยู่ไม่กำเริบไปมากกว่าเดิมได้พูดง่ายๆ คือช่วยลดความรุนแรงและระยะเวลาของการเป็นหวัดนั่นเอง

ดูแลสุขภาพพื้นฐาน
ไฟโตนิวเทรียนท์จากธรรมชาติ

มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก

จากงานวิจัยพบว่าการดื่มน้ำที่ผสมเลมอน จะช่วยกระตุ้นการดื่มน้ำระหว่างวันเพิ่มมากยิ่งขึ้น เพราะทำให้รู้สึกสดชื่นได้มากขึ้น ซึ่งการดื่มน้ำให้มากกว่า 2 ลิตรต่อวัน จะมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้ เร่งการเผาผลาญไขมัน ลดความอยากดื่มน้ำหวาน และน้ำอัดลมในระหว่างวัน นอกจากนี้ เลมอนสดยังช่วยในการย่อยอาหาร และการขับถ่ายอีกอีกด้วย3

ป้องกันโรคหอบหืด

ด้วยปริมาณวิตามินซีที่มีอยู่ในเลมอน ทำให้มีสรรพคุณที่จะช่วยป้องกันโรคหอบหืดและการอักเสบของทางเดินหายใจ ทำให้ทางเดินหายใจทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น

ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดในสมอง

จากผลการวิจัยในปี 2021 พบว่าฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) หรือสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผลไม้ตระกูลซิตรัสอย่างเลมอน จะช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือดในสมองตีบของเพศหญิงได้

ลดความเสี่ยงโรคความดันโลหิต

จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า กรดซิตริกในเลมอนนั้นมีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิตได้ดี เลมอนจึงได้รับความนิยมในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงระยะแรกๆ ด้วยเช่นกัน4

ป้องกันโรคนิ่วในไต

กรดซิตริกที่มีอยู่สูงมากในเลมอน จะทำงานโดยการจับแคลเซียมในร่างกายเพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไต หรือนิ่วในไตได้ เพราะจากข้อมูลสุขภาพของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard Health)5 ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ระบุไว้ว่า โดยส่วนมากของคนที่เป็นโรคไตจะมีแคลเซียมในร่างกายสูงถึง 80–85% การดื่มน้ำเลมอนจึงเป็นประโยชน์อีกทางที่จะช่วยป้องกันไม่ให้โรคนิ่วในไตลุกลามหนักกว่าเดิมได้

ป้องกันโรคโลหิตจาง

สรรพคุณอีกอย่างของเลมอนก็คือการช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง โดยส่วนมากคนที่เป็นโรคนี้จะรู้สึกว่าร่างกายขาดพลังงาน ไม่ค่อยมีสมาธิ เมื่อมีการดูดซึมธาตุเหล็กจากเลมอนได้มากขึ้น ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคโลหิตจางก็จะลดน้อยลงไปด้วย

ป้องกันสารก่อมะเร็ง

ประโยชน์ของเลมอนที่มองข้ามไม่ได้ คือการช่วยป้องกันการเกิดสารก่อมะเร็ง6 เพราะภายในเลมอนนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ได้ไม่น้อยเลย

บำรุงรักษาให้ผิวพรรณแข็งแรง

วิตามินซีที่มีในเลมอนคือตัวช่วยชั้นดีในการบำรุงผิวพรรณให้แข็งแรง และดูกระจ่างใสขึ้น เพราะมีส่วนช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ผิว และยังทำให้ผิวพรรณดูเต่งตึงขึ้น เนื่องจากเลมอนมีสรรพคุณของวิตามินซีที่จะช่วยในเรื่องการสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิวนั่นเอง7

เพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย

อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าเลมอนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคโลหิตจางได้ เพราะเลมอนมีส่วนช่วยในปฏิกิริยาการดูดซึมธาตุเหล็กเข้าสู่ร่างกาย เมื่อธาตุเหล็กได้ลำเลียงไปยังส่วนต่างๆ ก็จะส่งผลให้ร่างกายมีพลังงาน สมองเกิดการพัฒนาตามช่วงวัย ไม่อ่อนเพลีย เฉื่อยชา หรือเหนื่อยง่าย ดังนั้น เลมอนที่มีวิตามินซีสูงจึงเป็นประโยชน์ต่อการดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีนั่นเอง

ดูแลสุขภาพพื้นฐาน
ไฟโตนิวเทรียนท์จากธรรมชาติ

วิธีการกินเลมอนอย่างถูกวิธี

การเลือกเลมอนที่มีคุณภาพ ผ่านการคัดเลือก และการจัดเก็บที่เหมาะสม จะทำให้การกินเลมอน ไม่ว่าจะเป็นการกินในรูปแบบน้ำ กินแบบสดๆ หรือแม้แต่การนำมาสูดดมเพื่อความผ่อนคลาย สามารถสร้างประสิทธิภาพได้มากที่สุด

วิธีเลือกเลมอนสด

เมื่อรู้ถึงสรรพคุณของเลมอนกันไปแล้ว การกินเลมอนให้ได้รับประโยชน์สูงสุดก็ต้องดูตั้งแต่การคัดเลือกเลย โดยจะต้องเลือกเลมอนที่มีสีสวย ผิวเนียนเรียบ ไม่มีรอยช้ำ หรือจุดสีน้ำตาล ที่อาจบ่งบอกได้ว่าเลมอนผลนั้นๆ กำลังจะเน่าเสีย

วิธีการเก็บเลมอน

ส่วนการจัดเก็บนั้น อันดับแรกควรจะล้างเลมอนให้สะอาดก่อน เพื่อชำระล้างแบคทีเรีย หรือยาฆ่าแมลงที่อาจปะปนให้หมดไป นอกจากนี้ การเก็บเลมอนในอุณหภูมิห้องจะทำให้เลมอนอยู่ได้นานราว 2 สัปดาห์ แต่ถ้าหากแช่เย็นจะเก็บไว้ได้นานถึง 6 สัปดาห์เลยทีเดียว8

วิธีการกินเลมอน

การกินเลมอนนั้นทำได้ทั้งการกินแบบสดๆ และดื่มเป็นน้ำเลมอนก็ได้เช่นกัน หรือแม้แต่การสูดดมจากผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหยที่ใช้กลิ่นเลมอนก็จะช่วยเพิ่มความผ่อนคลายให้มีมากขึ้นไปอีก

ทั้งนี้ ความเปรี้ยวของเลมอนนั้นจะช่วยชูให้รสชาติอาหารโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เช่น ใช้เลมอนแทนน้ำสลัด ก็จะช่วยลดการบริโภคไขมันลง หรือบีบเลมอนลงบนเนื้อไก่ เนื้อปลาก็ได้ตามชอบ9

นอกจากนี้ เลมอนยังสามารถดื่มได้ทั้งแบบร้อน และแบบเย็นโดยไม่เสียรสชาติแต่อย่างใด จะผสมกับน้ำเปล่า หรือกาแฟเพื่อช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายก็ได้ หรือจะทำน้ำเลมอนเพื่อเพิ่มความสดชื่นในระหว่างวัน ก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว

ข้อควรระวัง ในการกินเลมอน เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกาย

ถึงแม้ว่าเลมอนจะมีสรรพคุณมากมาย มีสารอาหารที่สำคัญที่มีส่วนช่วยบำรุงรักษา และช่วยป้องกันโรคต่างๆ อย่างมะเร็ง หลอดเลือดสมองตีบ นิ่วในไต หรือช่วยบำรุงผิวพรรณได้ดี แต่เลมอนก็มีข้อควรระวังในการกินเช่นเดียวกัน ดังนี้

การกินเลมอนสำหรับผู้มีอาการแพ้กรดซิตริก

เลมอนเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ความเป็นกรดสูง จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการแพ้กรดซิตริก หากกินแล้วมีอาการแสบร้อนที่คอ กลางอก อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ หรือท้องเสีย ต้องรีบพบแพทย์เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกาย เพราะอาจมีภาวะกรดไหลย้อนได้ แต่ถ้าหากกินมาเป็นเวลานาน อาจทำให้ซึมเข้าสู่กระแสเลือดจนเกิดความเป็นกรดในเลือด และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ หรือการสูดดมเลมอน ก็อาจเกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อได้เช่นกัน10

เลมอนกับอาการปวดหัวไมเกรน

เลมอนมีสารไทรามีน (Tyramine)11 โดยสารชนิดนี้จะส่งผลกระทบแก่ผู้ที่มีอาการป่วยไมเกรน จึงไม่แนะนำให้กิน หรือดื่มเลมอนเมื่อต้องการลดอาการปวดหัว เพราะอาจทำให้อาการปวดไมเกรนรุนแรงกว่าเดิมได้12

เลมอนมีฤทธิ์กัดกร่อนสารเคลือบฟัน

สรรพคุณที่เลมอนมีนั้นคือความเป็นกรด หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจส่งผลให้สารเคลือบฟันถูกกัดกร่อน และทำให้เกิดการเสียวฟัน เนื้อฟันอาจมีสีเหลือง หรือบริเวณขอบฟันดูโปร่งใสมากขึ้น จึงควรดื่มน้ำเลมอนจากหลอดมากกว่า เพื่อให้ฟันสัมผัสกับเลมอนน้อยลง หรือหลังกินเลมอนให้รอประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วจึงค่อยแปรงฟัน13

ดูแลสุขภาพพื้นฐาน
ไฟโตนิวเทรียนท์จากธรรมชาติ

สรุป

เลมอนคือผลไม้ชนิดหนึ่งที่ให้รสชาติความเปรี้ยวเป็นหลักเนื่องจากมีความเป็นกรดซิตริกสูง เมื่อนำไปปรุงอาหาร หรือเครื่องดื่มจะช่วยสร้างสีสันการกินได้ ประโยชน์ของเลมอนนั้นจะช่วยป้องกันการก่อสารมะเร็งในร่างกาย ลดความเสี่ยงของโรคโลหิตจาง เพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กทำให้ไม่อ่อนเพลีย มีสมาธิมากขึ้น และยังช่วยบำรุงให้ผิวพรรณแข็งแรงอีกด้วย ทั้งนี้ ไม่ควรกินเลมอนมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ นอกจากนี้ เพื่อสุขภาพฟันที่ดี แนะนำให้ใช้หลอดดื่มน้ำเลมอนแทน เพราะจะช่วยรักษาสารเคลือบฟันไม่ให้ถูกกัดกร่อนมากกว่าเดิม เลมอนถือเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณมากมาย หากเลือกกินให้ถูกวิธี ก็จะช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง และได้ประโยชน์มากมายจากการกินเลมอนอย่างแน่นอน

ข้อมูลอ้างอิง
  1. Medthai. เลมอน สรรพคุณและประโยชน์ของเลมอน 22 ข้อ ! (Lemon). medthai.com. Published 21 July 2020. Retrieved 16 October 2022.
  2. Kristeen Cherney, PhD. Lemons 101: A Complete Guide. everydayhealthcom. Published 23 November 2022. Retrieved 16 October 2022.
  3. Kristeen Cherney, PhD. Can Lemons Help Weight Loss?. everydayhealth.com. Published 23 November 2022. Retrieved 16 October 2022.
  4. PMC PubMed Central. Antihypertensive and Vasorelaxant Effects of Citric Acid and Lemon Juice in Spontaneously Hypertensive Rats: In Vivo and Ex Vivo Studies. ncbi.nlm.nih.gov. Published 3 September 2023. Retrieved 16 October 2022.
  5. Kristeen Cherney, PhD. May Decrease the Risk of Kidney Stones. everydayhealth.com. Published 23 November 2022. Retrieved 16 October 2022.
  6. Helen West, RD. Reduce Cancer Risk. healthline.com. Published 11 April 2023. Retrieved 16 October 2022.
  7. Paolo Hospital. วิตามิน C มีดีอย่างไร. paolohospitalcom. Published 2 February 2021. Retrieved 16 October 2022.
  8. Kristeen Cherney, PhD. How to Select and Store Lemons. everydayhealth.com. Published 23 November 2022. Retrieved 16 October 2022.
  9. Kristeen Cherney, PhD. How to Eat  Lemons. everydayhealth.com. Published 23 November 2022. Retrieved 16 October 2022.
  10. ทีมเภสัชกร HD. ข้อควรระวังในการใช้กรดซิตริก. hd.co.th. Published 17 November 2020. Retrieved 17 October 2022.
  11. สยามรัฐออนไลน์. ”กาแฟใส่มะนาว” ไม่ช่วยแก้ปวดไมเกรน. siamrath.co.th. Published 15 August 2020. Retrieved 17 October 2022.
  12. Bangkok International. เลี่ยงปัจจัยเสี่ยงลดไมเกรน. bangkokinternationalhospital.com. Retrieved 17 October 2022.
  13. Kristeen Cherney, PhD. Health Risks of Lemons. everydayhealth.com. Published 23 November 2022. Retrieved 16 October 2022.
shop now