Key Takeaway
|
ปลายนิ้วชา...สัญญาณอันตรายที่ไม่ควรชินชา! อาการชาปลายนิ้วมืออาจเกิดจากการขาดวิตามิน B1, B6 และโดยเฉพาะ B12 จึงควรกินอาหารที่มีวิตามินครบเพื่อบำรุงร่างกาย

ลักษณะอาการชาปลายนิ้วมือ
อาการชาปลายนิ้วมือ (Finger Numbness) คืออาการที่ผู้ป่วยรู้สึกเหน็บชา รู้สึกเหมือนมือหนาขึ้น ยิบๆ แสบๆ คล้ายถูกเข็มทิ่ม หรือไม่มีความรู้สึกบริเวณนิ้วมือ บางรายอาจไม่มีแรงหยิบจับสิ่งของได้ดีเหมือนเดิม อาจเกิดขึ้นกับนิ้วเดียวหรือหลายนิ้ว และทั้งสองมือก็เป็นได้1
เดิมทีอาการชาปลายนิ้วมักพบในผู้หญิงวัยกลางคนเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันกลับพบได้บ่อยขึ้นในทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงผู้สูงอายุ เพราะเกิดจากการใช้สมาร์ตโฟนและอุปกรณ์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวันและการทำงาน2

อาการปลายนิ้วมือชาเกิดจากอะไร?
อาการชาปลายนิ้วมือเป็นภาวะที่หลายคนเคยเจอ โดยมักมีสาเหตุได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยจากสุขภาพ วิตามิน พฤติกรรม หรือการใช้มือในชีวิตประจำวัน
1. ขาดวิตามินบี
ชาปลายนิ้วมือขาดวิตามินอะไร? อาการชาปลายนิ้วมือส่วนใหญ่เกิดจากการขาดวิตามินบี 1 บี 6 และบี 12 ซึ่งวิตามินเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการบำรุงและซ่อมแซมเส้นประสาท รวมทั้งช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ปกติ3
การขาดวิตามินเหล่านี้จะทำให้เส้นประสาทเสียหาย เกิดการอักเสบ หรือทำงานผิดปกติ จึงส่งผลให้เกิดอาการชาหรือชาปลายมือปลายนิ้ว โดยเฉพาะวิตามินบี 12 ที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงระบบประสาท หากขาดจะทำให้ปลายประสาทเสื่อมและเกิดอาการชาในมือ นิ้วมือ และเท้าร่วมด้วย4
2. เส้นประสาทถูกกดทับ
การกดทับเส้นประสาทที่พบได้บ่อยคือเส้นประสาทมีเดียน (Median nerve) ที่ข้อมือ โดยมักเกิดในผู้ที่ใช้มือในท่าเดิมนานๆ เช่น พิมพ์คีย์บอร์ด ใช้เมาส์ หรือจับเครื่องมือซ้ำๆ นอกจากนี้ การก้มศีรษะ หรืองอข้อศอกนานๆ ก็อาจส่งผลต่อเส้นประสาทอัลนาร์ (Ulnar nerve) ได้5
เส้นประสาทถูกกดทับจะรบกวนการส่งสัญญาณประสาท ทำให้รู้สึกชา ยิบๆ หรือแรงลดลง นิ้วที่พบอาการบ่อยคือ นิ้วโป้ง ชี้ กลาง (กรณีเส้นประสาทมีเดียน) และนิ้วนางกับนิ้วก้อย (กรณีเส้นประสาทอัลนาร์) โดยอาการชาปลายนิ้วมือเวลานอนจะชัดขึ้นตอนกลางคืนหรือเมื่อตื่นนอน5
3. การไหลเวียนโลหิตผิดปกติ
เมื่อเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงนิ้วมือไม่ดี อาจเกิดอาการชาหรือรู้สึกยิบๆ ปลายนิ้วมือได้เช่นกัน สาเหตุที่ทำให้เลือดไหลเวียนผิดปกติ เช่น ความดันต่ำ เส้นเลือดตีบ หรือโรคเรย์นอด (Raynaud’s phenomenon) ที่เกิดการหดตัวของเส้นเลือดในสภาพอากาศเย็นหรือความเครียด6
เพราะเม็ดเลือดนำออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงปลายประสาท หากมีการอุดตันหรือไหลเวียนไม่ดี ปลายประสาทจะขาดออกซิเจนชั่วคราว ส่งผลให้เกิดอาการชาปลายนิ้วมือ อาจพบร่วมกับอาการมือเย็น ซีด หรือเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดในบางกรณี6
4. พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
พฤติกรรมที่ทำให้เกิดอาการปลายนิ้วมือชาบ่อยๆ ได้แก่ นั่งท่าเดิมหรือวางแขนผิดท่าเป็นเวลานาน ใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานโดยไม่ได้พัก ยกของหนักหรือใช้มือซ้ำๆ โดยไม่ได้เปลี่ยนท่า หรือนอนทับแขนจนเกิดแรงกดทับ7
พฤติกรรมแบบนี้เมื่อเกิดซ้ำๆ จะทำให้กล้ามเนื้อและเอ็นกดทับเส้นประสาทหรือขัดขวางการไหลเวียนของเลือดไปยังมือ ส่งผลเกิดอาการชาหรือรู้สึกยิบๆ ที่ปลายนิ้วมือ

อาการชาปลายนิ้วมือแบบไหนเสี่ยงอันตราย?
อาการชาปลายนิ้วมือส่วนใหญ่ไม่รุนแรงและมักเกิดจากพฤติกรรมหรือภาวะชั่วคราว แต่ในบางกรณีอาการชาก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรครุนแรงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ดังนั้น หากมีอาการชาปลายนิ้วมือแบบนี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที!
- ชาปลายนิ้วมือมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและรบกวนการใช้งานมือ เช่น ทำให้จับของไม่ถนัดหรือหลุดมือบ่อย7
- อาการชาที่รบกวนการนอน หลับไม่สนิท ต้องตื่นกลางคืนเพราะชามาก หรือชาชัดเจนหลังตื่นนอน2
- อาการชาที่เกิดในตำแหน่งนิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางครึ่งซีก ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโรคเส้นประสาทถูกกดทับที่ข้อมือ หรือต้นคอเสื่อม2
- อาการชาที่มาพร้อมกับอาการปวดร้าวไปแขนหรือร้าวขึ้นเหนือข้อมือ7
- เกิดการชาร่วมกับอาการกล้ามเนื้อมือหรือแขนอ่อนแรง ลีบ หรือทำงานผิดปกติ2
- อาการชาที่ลามขึ้นไปถึงแขนทั้งฝั่ง หรือมีอาการชาแบบสวมถุงมือชาทั้งฝ่ามือ อาจเกิดจากโรคปลายประสาท หรือโรคเบาหวาน8
- อาการชาที่มาอย่างกะทันหัน พร้อมกับอ่อนแรงข้างเดียว พูดลำบาก หรือสับสน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)7

วิธีดูแลตัวเองเมื่อมีอาการปลายนิ้วมือชา
อาการชาปลายนิ้วมือสามารถดูแลและบรรเทาได้ด้วยวิธีง่ายๆ ที่ทำเองได้ที่บ้าน โดยเน้นการบำรุงระบบประสาท ปรับพฤติกรรมการใช้งานมือ และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตอย่างเหมาะสม
เสริมด้วยวิตามินและอาหารที่มีวิตามินบีครบถ้วน
ควรกินอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบีครบกลุ่มโดยเฉพาะวิตามิน B1, B6 และ B12 ซึ่งช่วยบำรุงและซ่อมแซมเส้นประสาท ลดอาการชาปลายนิ้วมือ7 อาหารที่แนะนำ ได้แก่ เนื้อสัตว์ติดมัน ไข่ นม ธัญพืชเต็มเมล็ด ถั่ว และผักใบเขียวเข้ม นอกจากนี้ การเสริมวิตามินบีด้วยอาหารเสริมหรือปรึกษาแพทย์ก็ช่วยได้ในกรณีขาดวิตามิน
ปกติร่างกายเราดูดซึมสารอาหารหลักอย่างคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เพื่อสำรองเป็นพลังงาน แต่สารเหล่านี้ยังไม่พร้อมใช้งานทันที ต้องผ่านกระบวนการเปลี่ยนเป็นพลังงานก่อน ซึ่งจำเป็นต้องมีวิตามินบีรวมครบทั้ง 8 ชนิด และสารอาหารที่เพียงพอ เพื่อให้กระบวนการนี้มีประสิทธิภาพสูงสุด ร่างกายจึงจะสามารถผลิตและนำพลังงานไปใช้ได้ทันท่วงที
เราสามารถเสริมวิตามินบีให้ร่างกายอย่างมีคุณภาพได้ด้วย Dual Action Technology นวัตกรรมการปลดปล่อย 2 ชั้นที่รวมวิตามินบีจำเป็น 8 ชนิดไว้ในเม็ดเดียว ไม่ต้องกินหลายครั้ง แต่เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมให้ดียิ่งขึ้น
- ชั้นแรกจะปลดปล่อยวิตามินบี 2 และบี 12 ในกระเพาะอาหาร
- จากนั้นภายใน 8 ชั่วโมง ชั้นในจะค่อยๆ ปล่อยวิตามินบีอีก 6 ชนิดที่เหลือ (วิตามินบี 1 บี 3 บี 5 บี 6 บี 7 และบี 9) ในลำไส้เล็ก
ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินบีครบถ้วนตลอด 8 ชั่วโมง เทียบเท่ากับเวลาทำงาน ช่วยลดความอ่อนเพลียและความเหนื่อยล้าได้ตลอดวัน
ปรับพฤติกรรมการใช้งานมือ
การลดพฤติกรรมที่ทำร้ายมือซ้ำๆ เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์นานๆ โดยไม่พัก ควรพักมือบ้างทุก 30 - 45 นาที และหลีกเลี่ยงท่าทางที่กดทับเส้นประสาท เช่น งอข้อมือนานเกินไป รวมถึงหลีกเลี่ยงการจับหรือยกของหนักซ้ำๆ การเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ และใส่อุปกรณ์พยุงข้อมือในตอนกลางคืนจะช่วยลดอาการชาได้2
นวดกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต
การนวดเบาๆ บริเวณข้อมือและปลายนิ้วมืออย่างสม่ำเสมอ ประมาณ 3 - 5 นาที ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลดการกดทับเส้นประสาทได้ การดึงมือขึ้น-ลง และการยืดเหยียดข้อมือช้าๆ ค้างไว้ 15 - 20 วินาที ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและเอ็น นอกจากนี้ การประคบร้อนหรือแช่น้ำอุ่นก็ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นและบรรเทาอาการชาได้7

วิธีป้องกันไม่ให้อาการชาปลายนิ้วกลับมาอีก
การป้องกันอาการชาปลายนิ้วมือไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำๆ ต้องดูแลสุขภาพโดยรวมและปรับพฤติกรรมระยะยาว เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการกดทับเส้นประสาท และป้องกันการขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อระบบประสาท
กินอาหารที่หลากหลายและครบถ้วน
การกินอาหารที่หลากหลายและครบถ้วนเป็นวิธีสำคัญในการป้องกันไม่ให้อาการชาปลายนิ้วกลับมาอีก โดยควรกินอาหารครบ 5 หมู่ ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วนและเพียงพอ รวมถึงเน้นอาหารที่มีวิตามินบีและแร่ธาตุต่างๆ
โดยเน้นวิตามินบีรวม เช่น B1, B6 และ B12 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการบำรุงเส้นประสาท อาหารที่แนะนำได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่ นม ผักใบเขียว และธัญพืช นอกจากนี้ การกินผักผลไม้ช่วยให้ได้รับสารแอนติออกซิแดนท์และช่วยระบบไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงการเกิดอาการชา
ใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงข้อมือ
การใช้เฝือกพยุงข้อมือหรือผ้ารัดในขณะนอนหลับ ช่วยลดการเคลื่อนไหวที่ไปกดทับเส้นประสาทได้ นอกจากนี้ ควรจัดโต๊ะทำงานให้อยู่ในระดับเหมาะสม เช่น ปรับเก้าอี้และโต๊ะให้สูงพอดี ไม่ให้ข้อมือถูกงอหรือตกอยู่ในท่าที่กดทับเส้นประสาท การใช้หมอนรองข้อมือขณะพิมพ์งานช่วยลดแรงกดและป้องกันการบาดเจ็บของข้อมือได้ดี2
งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะต่อระบบประสาท เพราะแอลกอฮอล์สามารถทำลายเส้นประสาทได้โดยตรง ทำให้เกิดอาการชาปลายนิ้วมือแย่ลง การงดหรือลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์จึงช่วยป้องกันและบรรเทาอาการชาได้
ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายและบริหารกล้ามเนื้อข้อมือและนิ้วมือเป็นประจำ เช่น การยืดเหยียดมือและข้อมือ การนวดเบาๆ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ลดความตึงเครียดและป้องกันการกดทับเส้นประสาท กล้ามเนื้อที่แข็งแรงจะช่วยซัปพอร์ตข้อมือและป้องกันอาการชาได้ดีขึ้น7
ตรวจสุขภาพประจำปี
ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อตรวจหาโรคประจำตัวที่อาจทำให้อาการชาปลายนิ้วมือรุนแรงขึ้น เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคทางระบบประสาท การตรวจพบความผิดปกติแต่เนิ่นๆ ช่วยให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ลดโอกาสเกิดอาการชาซ้ำหรือบานปลาย2
สรุป
ชาปลายนิ้วมือขาดวิตามินอะไร? อาการชาปลายนิ้วมือเกิดจากการขาดวิตามินบี เช่น B1, B6 และ B12 ที่ช่วยบำรุงและซ่อมแซมเส้นประสาท หากขาดวิตามินกลุ่มนี้จะทำให้การส่งสัญญาณประสาทผิดปกติ เกิดอาการชา นอกจากนี้ สาเหตุอื่น เช่น การกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือหรือต้นคอเสื่อม การไหลเวียนโลหิตผิดปกติ และพฤติกรรมใช้มือในท่าเดิมนาน ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ปลายนิ้วมือชาได้
อาการชาที่เกิดขึ้นบ่อยๆ หรือมีอาการร่วม เช่น อ่อนแรง หยิบจับอะไรลำบาก ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน การปรับพฤติกรรมการใช้มือและเสริมวิตามินบีอย่างเหมาะสมสามารถช่วยบรรเทาและป้องกันอาการชาซ้ำได้
FAQ – คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการชาปลายนิ้วมือ
กินวิตามินบีทุกวัน อันตรายไหม?
การกินวิตามินบีรวมทุกวันโดยทั่วไปไม่เป็นอันตราย เพราะวิตามินบีเป็นวิตามินละลายในน้ำ ร่างกายจะขับออกทางปัสสาวะเอง แต่ถ้ากินมากเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ ปวดหัว หรือผื่นขึ้น จึงควรกินตามขนาดที่แนะนำและปรึกษาแพทย์
ทำไมมือถึงชาทุกเช้า?
อาการมือชาทุกเช้ามักเกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับบริเวณข้อมือ โดยเฉพาะในผู้ที่นอนหลับด้วยท่างอข้อมือหรือนอนท่าเดิมนานๆ ทำให้เลือดและการส่งสัญญาณประสาทไม่สะดวก จึงเกิดอาการชาและต้องสะบัดข้อมือเพื่อบรรเทา นอกจากนี้การใช้งานมือซ้ำๆ หรือพฤติกรรมที่กดทับเส้นประสาทก่อนนอนก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อาการชาปลายนิ้วมือในตอนเช้าเกิดขึ้นบ่อย
วิธีรักษาอาการชาปลายนิ้วเท้า ทำได้อย่างไร?
วิธีรักษาอาการชาปลายนิ้วเท้าเบื้องต้นคือการพักการใช้งานเท้าหรือเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้เท้าซ้ำๆ แช่น้ำอุ่นเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และนวดบริเวณนิ้วเท้าเพื่อบรรเทาอาการ หากอาการไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์เพื่อตรวจและรับการรักษาอย่างเหมาะสม เช่น การทำกายภาพบำบัด การใช้ยาลดการอักเสบ หรือในกรณีรุนแรงอาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด