แครอทสีม่วง ผักมากสรรพคุณ บำรุงลำไส้ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อต้านอนุมูลอิสระ พร้อมประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย และวิธีกินให้เหมาะสม
แครอทสีม่วง ผักมากสรรพคุณ
แครอทสีม่วง ลักษณะภายนอกเป็นสีม่วง แต่ภายในเป็นสีแดงม่วง หรือสีส้มอมเหลือง ในส่วนรสชาติของแครอทสีม่วงจะหวานน้อยกว่าแครอทสีส้มทั่วไป แต่ก็มีลักษณะเปรี้ยวเล็กน้อย ส่วนที่มีสีม่วงเข้มๆ อาจมีรสชาติที่เข้มข้น1 ซึ่งแตกต่างกันไปตามพันธุกรรมของพืช และลักษณะสภาพแวดล้อมต่างๆ
นอกจากนี้ แครอทสีม่วงมีสรรพคุณมากมาย เนื่องจากในแครอทสีม่วง มีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังมีพรีไบโอติก กากใยสูง ที่ช่วยเสริมให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
คุณค่าทางโภชนาการของแครอทสีม่วง
แครอทสีม่วงเป็นแหล่งไฟเบอร์ และมีคุณค่าทางโภชนาการที่สูงมาก โดยมีสารอาหารหลากหลายอย่าง ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ ดังนี้
- วิตามิน A ช่วยในการบำรุงสายตา
- วิตามิน K ช่วยรักษาระดับเม็ดเลือดแดงให้มีความสมดุล
- วิตามิน B6 ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้แข็งแรง
- วิตามิน C เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันการเกิดความเสียหายในเซลล์ และส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย2
- แคลเซียม เป็นสารที่สำคัญสำหรับสุขภาพของกระดูก และฟัน และช่วยให้ระบบประสาท และกล้ามเนื้อทำงานอย่างถูกต้อง
- โฟเลต (Folate) เป็นสารที่มีความสำคัญในการสร้างเซลล์ในร่างกาย และช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์1
นอกจากนี้ แครอทสีม่วงยังมีค่าดัชนีน้ำตาล หรือ Glycemic Index (GI) ต่ำ ที่ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของจอประสาทตา และการพัฒนาต้อกระจกในผู้สูงอายุ จะเห็นได้ว่า แครอทสีม่วงมีสารอาหารเหมือนแครอทสีส้ม แต่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่า2
9 คุณประโยชน์ และสารอาหารในแครอทสีม่วง
แครอทสีม่วงอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ มากมาย โดยมีทั้งวิตามิน A, C, K, B6 และมีพรีไบโอติก กากใยสูง แถมยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โดยแครอทสีม่วงให้คุณประโยชน์แก่ร่างกาย ดังนี้
1. บำรุงระบบย่อยอาหาร
แครอทสีม่วงมีกากใยสูง ซึ่งช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร เมื่อเราบริโภคแครอทสีม่วงเข้าไปในร่างกาย พรีไบโอติกที่มีอยู่ในแครอทสีม่วง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการดูดซึมสารอาหาร ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน2,3
2. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ในแครอทสีม่วงมีวิตามิน C เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกัน และสร้างแอนติบอดีในร่างกาย ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค ด้วยกระบวนการกระตุ้นผลิตเอนไซม์ในร่างกาย ที่ช่วยทำให้เซลล์ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น การนำแครอทสีม่วงมาทำเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ จึงเป็นวิธีที่ดีในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้2,3
3. ช่วยในการลดน้ำหนัก
แครอทสีม่วงยังมีไขมันไม่อิ่มตัว ช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ไม่หิวบ่อย โดยมีสารอาหารบางชนิดในแครอทสีม่วงที่มีสรรพคุณช่วยส่งเสริมการลดน้ำหนักได้2,3
- โฟเลต - ช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่ม และลดการดูดซึมไขมัน
- โปรตีน - ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน ลดความอยากอาหาร
- กากใยอาหาร - ช่วยเพิ่มความอิ่ม และลดการดูดซึมน้ำตาล
- โคลิน (Choline) - ช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกาย
4. บำรุงหัวใจ
แครอทสีม่วงมีประโยชน์ในการบำรุงหัวใจ โดยมีวิตามิน C ช่วยลดการอักเสบในหลอดเลือด ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ แครอทสีม่วงยังมีวิตามิน E ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการตีบ และอักเสบในหลอดเลือด2,3
5. บำรุงสายตา
วิตามิน A เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องเซลล์ดวงตา และช่วยในการส่งเสริมสุขภาพดวงตาให้แข็งแรง และมองเห็นได้ชัดเจน2,3
6. บำรุงสมอง
วิตามิน K ที่อยู่ในแครอทสีม่วง จะช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท และช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ2,3
7. ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง
แครอทสีม่วงมีประโยชน์ ที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในร่างกาย เพราะมีสารสำคัญอย่าง Antioxidant ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเนื้อเยื่อจากการทำลายของอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ สีที่เข้มของแครอทสีม่วง ก็เป็นสิ่งที่เสริมประสิทธิภาพ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งมากขึ้นด้วย2,3
8. ลดการอักเสบของร่างกาย
แครอทม่วง ทำให้ร่างกายลดการอักเสบลงได้ เพราะแครอทสีม่วงมีวิตามิน C เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดอักเสบในร่างกาย ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ และช่วยปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกัน2,3
9. บำรุงสุขภาพผิว
แครอทสีม่วงมีวิตามิน A ที่ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ และสดใสขึ้น โดยมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการผลิตเซลล์ผิวใหม่ และช่วยให้ผิวดูนุ่ม เรียบเนียนขึ้นได้2,3
ข้อควรรู้! ก่อนกินแครอทสีม่วง
ควรกินแครอทสีม่วงในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวเปลี่ยนสี หรือท้องผูกได้ การกินแครอทสีม่วงที่เหมาะสม จะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากพลังงาน และสารอาหารที่มีอยู่ในแครอทสีม่วง โดยควรกินปริมาณที่เหมาะสมตามความต้องการของร่างกาย เลือกแครอทสีม่วงที่สด และมีคุณภาพ ควรเช็ดแครอทให้สะอาดอีกครั้ง เพื่อล้างสารพิษ หรือสิ่งสกปรกที่อาจติดมากับเปลือกได้ทั้งนี้ ควรกินแครอทสีม่วงเป็นเมนูหนึ่งของอาหารประจำวัน เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากวิตามิน และสารอาหารอื่นๆ ที่มีอยู่ในอาหารด้วย4,5
สรุป
แครอทสีม่วง เป็นหนึ่งในพันธุ์ของแครอทที่มีสีเหลือง และสีส้ม ที่เป็นที่รู้จักกันในปัจจุบัน แต่มีสีม่วงเข้มบนผิวภายนอก ต่างจากแครอททั่วไป ที่มีสีส้ม หรือเหลืองเข้ม อีกทั้งยังมีสารอาหาร และคุณค่าทางโภชนาการ ที่ดีกว่าแครอทสีส้มด้วย เพราะมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต่อต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ หรือภาวะเกี่ยวกับสมอง และมะเร็ง โดยควรกินแครอทสีม่วงในปริมาณที่เหมาะสมเช่นเดียวกับการกินแครอททั่วไป โดยใช้แครอทสีม่วง เป็นเมนูอาหารทั่วไป เพื่อให้ได้รับประโยชน์ทางโภชนาการอย่างเต็มที่