บอดี้เวท คือ การออกกำลังกายที่ใช้น้ำหนักตัวของเราเอง มาช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ แถมยังช่วยลดไขมันได้เป็นอย่างดีสำหรับสายรักสุขภาพ อยากออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรง หรืออยากลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วนให้มีรูปร่างที่ดี หลายคนจะต้องนึกถึงการออกกำลังกายแบบ Body Weight แน่นอน

ที่สำคัญการออกกำลังกายแบบบอดี้เวทนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่น้อย อยู่หอพัก อยู่คอนโดก็สามารถทำได้ แต่อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายไม่ว่าจะรูปแบบใด หากอยากได้ประโยชน์สูงที่สุดต้องออกกำลังกายให้ถูกวิธี เพื่อลดโอกาสที่จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ บทความนี้จึงได้รวบรวมข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับการออกกำลังกายแบบ Body Weight มาฝากกัน

ทำความรู้จักกับ “บอดี้เวท (Body Weight)”

ทำความรู้จักกับ “บอดี้เวท (Body Weight)”

บอดี้เวท (Body Weight) คือ การออกกำลังกายรูปแบบหนึ่งที่เน้นการใช้น้ำหนักตัวของผู้ออกกำลังกายเองในการเคลื่อนไหว นับเป็นการออกกำลังกายแบบสร้างแรงต้าน (Resistance Training) ภายใน คือ ใช้แรงต้านจากร่างกายเพื่อทำให้เกิดการสร้างกล้ามเนื้อ รวมทั้งเสริมสร้างความแข็งแรง ทนทาน และช่วยกระชับกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ แตกต่างกับเวทเทรนนิ่ง (Weight Training) ตรงที่ไม่มีการใช้อุปกรณ์หรือการใช้แรงต้านภายนอกเข้ามาช่วย

หลักการในการสร้างกล้ามเนื้อของบอดี้เวท คือ เมื่อมีการออกกำลังกายโดยใช้น้ำหนักตัว เส้นใยกล้ามเนื้อจะเกิดรอยฉีกขาดเล็กๆ จากนั้นร่างกายจะซ่อมแซมรอยฉีกขาดเหล่านั้นใหม่ ซึ่งกระบวนการซ่อมแซมดังกล่าวจะทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นและใหญ่ขึ้น นอกจากนั้น ในขณะที่กล้ามเนื้อทำงานหนักเพื่อยกและเคลื่อนย้ายน้ำหนักส่วนต่างๆ ของร่างกาย อัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate)ก็จะเพิ่มขึ้น เพราะจะต้องสูบฉีดเลือดและออกซิเจนมากขึ้นไปยังกล้ามเนื้อ ซึ่งอัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้นมักสัมพันธ์กับการเผาผลาญแคลอรี่ที่มากขึ้นด้วย

สำหรับความแตกต่างระหว่างการออกกำลังกายแบบบอดี้เวทกับคาร์ดิโอ คือ คาร์ดิโอเป็นการออกกำลังกายกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและความแข็งแรงของหัวใจ นอกจากนั้น อัตราการเต้นของหัวใจในการออกกำลังแบบคาร์ดิโอมักจะมากกว่า จึงอาจจะแปลว่าเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าด้วย แต่จริงๆ แล้วหากออกกำลังกายแบบบอดี้เวทในความเข้มข้นที่มากพอ ก็สามารถทำบอดี้เวทให้เป็นคาร์ดิโอได้เช่นกัน

ทั้งนี้ การมีกล้ามเนื้อที่มากขึ้นนั้นมักจะส่งผลดีกับการเผาผลาญในระยะยาว เพราะเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อมีการเผาผลาญมากกว่าเนื้อเยื่อไขมัน เป็นผลให้ผู้ที่มีเปอร์เซ็นต์มวลกล้ามเนื้อสูงกว่ามีแนวโน้มที่จะเผาผลาญแคลอรีในขณะออกกำลังกายและระหว่างที่พักออกกำลังกายได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม การเผาผลาญนี้อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อายุ น้ำหนัก ความหนักเบาและระยะเวลาของการออกกำลังกาย ฯลฯ

แนะนำ 7 ท่า Body Weight สำหรับมือใหม่ ใครๆ ก็ทำได้

สำหรับใครที่อยากจะเริ่มต้นทำ Body Weight บทความนี้อยากจะขอแนะนำ 7 ท่าออกกำลังกาย Body Weight ที่ทำตามกันได้ไม่ยาก ไม่ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เด็กหรือผู้ใหญ่ ก็สามารถทำได้ เพื่อสุขภาพที่ดี ช่วยเพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อกระชับสัดส่วนกัน

1. Bicycles

1. Bicycles

เริ่มท่า Body Weight ด้วย Bicycles หรือ Bicycle Crunch เป็นท่าที่เน้นการใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง ร่างกายส่วนแกนกลางลำตัว รวมไปถึงกล้ามเนื้อต้นขา

  • เริ่มจากการนอนราบกับพื้นให้หลังส่วนล่างติดพื้น ประสานมือไว้ที่หลังศีรษะ งอเข่าสองข้างเข้าหาอก ยกลำตัวส่วนบนบริเวณไหล่ให้ลอยขึ้นจากพื้นเล็กน้อย
  • จากนั้นให้เหยียดขาขวาตรง พร้อมกับบิดลำตัวไปด้านซ้าย ให้ศอกขวากับเข่าซ้ายดึงเข้าหากัน แล้วสลับทำท่าเดิมอีกข้าง ทำซ้ำประมาณ 20 ครั้ง ทั้งหมด 2 เซต

ข้อควรสังเกต คือ บริเวณลำตัวส่วนบนและขา จะต้องลอยจากพื้นตลอด โดยมีแค่ลำตัวส่วนล่างที่ต้องควบคุมให้อยู่ติดพื้น และพยายามไม่ให้บิดไปมาตอนที่บิดตัว และระวังไม่ให้ใช้แรงบริเวณหลังคอขณะที่บิดตัวมากเกินไป

2. Calf Raises

2. Calf Raises

มาต่อกันที่ท่า Calf Raises (Standing Calf Raises) หรือ การยืนเขย่งปลายเท้า เป็นท่าที่ช่วยกระชับกล้ามเนื้อบริเวณน่อง

  • เริ่มจากการยืนตรงเอามือสองข้างแนบลำตัว กางขาเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆ เขย่งเท้า เพื่อยกตัวขึ้น เกร็งบริเวณน่องค้างไว้ประมาณ 3 วินาที จึงวางส้นลงที่พื้น ทำซ้ำ 15 ครั้ง ทั้งหมด 2-3 เซต

ท่านี้เป็นท่าที่สามารถทำได้ง่ายมากๆ หรืออาจจะทำระหว่างที่ทำกิจกรรมอื่นที่ยืนทำอยู่ เช่น รีดผ้า ทำอาหาร ก็ได้

3. Planks

3. Planks

ท่า Planks เป็นท่าออกกำลังกายที่เน้นสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้อง เพิ่มความแข็งแรงของแกนกลางลำตัวเป็นหลัก รวมถึงมีการใช้แรงส่วนสะโพกและต้นแขน

  • เริ่มจากการนอนคว่ำ วางแขนแนบกับพื้นโดยงอศอกตั้งฉากกับพื้น กางศอกให้กว้างประมาณไหล่
  • ใช้ปลายเท้าตั้งที่พื้น จากนั้นเกร็งหน้าท้องแล้วยกลำตัวขึ้นให้เป็นเส้นตรงตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ทำค้างไว้ 20-30 วินาที ครั้งละ 3 เซต หรืออาจเพิ่มเวลาให้นานขึ้นจนถึง 1-2 นาที ตามความแข็งแรงของแต่ละคนได้

ข้อควรระวังในการทำท่า Planks คือ ระวังไม่ให้ยกสะโพกสูงหรือต่ำเกินไป ไม่ให้หลังโก่งหรือแอ่นมากเกินไป ต้องพยายามเกร็งหน้าท้องให้ลำตัวขนานเป็นเส้นตรง และมองตรงไปที่พื้นข้างหน้า ไม่ก้มหน้าหรือเงยหน้าสูงเพราะจะทำให้เกิดอาการปวดคอหรือหลังได้ นอกจากนี้ท่า Planks ยังสามารถปรับเปลี่ยนท่าให้สามารถออกกำลังรูปแบบต่างๆ ในส่วนอื่นๆ เพิ่มเติมได้ เช่น Side Plank - Plank แบบหันข้างลำตัว, Full Plank - แบบเหยียดแขนตรง, Raised Leg - Plank แบบยกขาขึ้นข้างนึง เป็นต้น

4. Push-Ups

4. Push-Ups

อีกหนึ่งท่า Body Weight ที่น่าสนใจคือท่า Push-Ups หรือที่เรียกกันว่าท่าวิดพื้น เป็นท่าสำหรับออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนบนของลำตัว คือบริเวณไหล่ หน้าอก และแขนเป็นหลัก รวมถึงมีการใช้กล้ามเนื้อส่วนแกนกลางลำตัวและสะโพกคล้ายๆ กับท่า Planks

  • การ Push-Ups ท่าวิดพื้นแบบมาตรฐานจะเริ่มจากการชันเข่าวางเท้าที่พื้นให้เท้าชิดกัน โน้มตัวไปด้านหน้าวางฝ่ามือยันไว้ที่พื้นให้ตำแหน่งและความกว้างตรงกับไหล่ โดยให้นิ้วมือชี้ไปด้านหน้า เกร็งหน้าท้องยกตัวให้หลังและลำตัวตรงขนานกับพื้น
  • จากนั้นค่อยๆ ลดตัวลงโดยการงอข้อศอก ให้หน้าอกและลำตัวใกล้ชิดพื้น โดยต้องรักษาการจัดท่าทางร่างกายให้ลำตัวและหลังยังขนานเป็นเส้นตรงอยู่เหมือนเดิม
  • ใช้แรงดันลำตัวยกขึ้นจนสุดแขน โดยลำตัวและหลังยังคงขนานกัน ทำซ้ำ 10-15 ครั้งต่อเซต หรืออาจเพิ่มขึ้นตามความแข็งแรงของร่างกาย

สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นออกกำลังกายแบบ Body Weight อาจจะเริ่มจากการวิดพื้นกับผนังหรือพื้นที่เอียง หรืออาจเป็นการวิดพื้นแบบคุกเข่า (Kneeling Push-up) ก็จะช่วยให้วิดพื้นได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้สามารถพัฒนาท่าวิดพื้นเป็นท่าอื่นได้อีก เช่น Diamond Push-Ups วิดพื้นโดยวางมือชิดกันให้เป็นรูปคล้ายเพชรบริเวณใต้หน้าอก, Wide arm Push-ups วิดพื้นโดยวางมือให้กว้างกว่าหัวไหล่, Decline Push-Ups วิดพื้นโดยวางเท้าไว้บนอุปกรณ์ให้สูงขึ้นกว่าพื้น ฯลฯ

ข้อควรระวัง คือควรรักษาท่าทางในการวิดพื้นโดยเกร็งส่วนหน้าท้องให้ลำตัว สะโพก และหลังตรงอยู่เสมอ ระวังไม่ให้หลังแอ่นหรือโก่ง อีกเรื่องคือเรื่องการกดตัวลงหากไม่ต่ำพอก็จะไม่ได้ใช้กล้ามเนื้ออย่างเต็มที่

 
5. Squats

5. Squats

ท่า Squats เป็นการออกกำลังกายที่เน้นกล้ามเนื้อส่วนล่างของร่างกาย โดยเฉพาะส่วนต้นขา สะโพก และน่อง รวมไปถึงบริเวณแกนกลางลำตัว

  • เริ่มจากการยืนกางขาให้กว้างประมาณไหล่ โดยให้ปลายเท้าชี้ออก
  • จากนั้นค่อยๆ ย่อเข่ากดสะโพกลงให้ต้นขาตั้งฉากขนานกับพื้น ทิ้งน้ำหนักลงบริเวณส้นเท้า คล้ายๆ กำลังนั่งเก้าอี้ โดยให้หน้าอกและลำตัวเป็นเส้นตรง อาจยื่นแขนมาด้านหน้าเพื่อช่วยในการทรงตัว
  • ย่อค้างไว้สักครู่แล้วจึงใช้แรงจากขาดันตัวให้ขึ้นมายืนตรงเหมือนตอนเริ่ม ทำซ้ำประมาณเซตละ 15-20 ครั้ง ทั้งหมด 4-5 เซต

ข้อควรระวังคือขณะย่อตัวต้องระวังไม่ให้งอเข่าจนเลยปลายเท้า เพราะอาจทำให้เกิดอาการปวดเข่าได้ และต้องไม่งอหรือก้มตัว พยายามยืดหลังและลำตัวให้เป็นเส้นตรงอยู่เสมอ

6. Tricep Dips

6. Tricep Dips

ท่า Tricep Dips คือท่าBody Weightที่เป็นการออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนหลังแขน หรือ Tricep นั่นเอง โดยสามารถทำท่า Tricep Dips โดยการทำกับพื้น หรืออาจจะทำกับอุปกรณ์อย่างเก้าอี้ ม้านั่ง หรือขอบเตียงก็ได้

  • โดยเริ่มจากนั่งลงบนพื้น ชันเข่า วางฝ่ามือไว้ด้านหลังให้อยู่ตำแหน่งพอดีกับไหล่ ให้ปลายนิ้วมือชี้มาทางเท้า โดยเหยียดแขนตึง ยกสะโพกให้ลอยเหนือจากพื้น
  • จากนั้นค่อยๆ งอศอกลดลำตัวลงช้าๆ จนแขนเกือบตั้งฉาก แล้วดันตัวขึ้นอีกครั้ง ทำซ้ำ 15-20 ครั้ง 2-3 เซต

ขณะออกกำลังกายท่านี้ควรระวังไม่งอข้อศอกต่ำเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อไหล่ต้องออกแรงมากเกินไปและอาจจะบาดเจ็บได้

7. Wall-Sits

7. Wall-Sits

ท่า Wall-Sits เป็นท่า Body Weight ที่ช่วยในการออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนล่างคือบริเวณต้นขา สะโพก และเพิ่มความแข็งแรงของแกนกลางลำตัว และหน้าท้อง สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

  • โดยเริ่มจากการนั่งงอเข่าโดยหันหลังชิดกับกำแพง ให้ต้นขาตั้งฉากขนานกับพื้น ทำค้างไว้ 10-20 วินาที ครั้งละ 3-4 เซ็ต
ก่อนและหลัง Body Weight ควรทำอะไรบ้าง

ก่อนและหลัง Body Weight ควรทำอะไรบ้าง

การออกกำลังกายแบบ Body Weight หรือการออกกำลังกายแบบใดก็ตามควรมีการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเสมอ และควรมีการปฏิบัติตัวหลังการออกกำลังกายให้เหมาะสม เพื่อที่จะช่วยลดอาการบาดเจ็บต่างๆ และเพื่อให้การออกกำลังกายนั้นได้ประโยชน์ มีประสิทธิภาพมากที่สุด

โดยก่อนทำ Body Weight ควรเตรียมตัว ดังนี้

  • ศึกษาการจัดระเบียบร่างกาย ท่าทางการออกกำลังกายที่ถูกต้อง
  • กินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนก่อนออกกำลังกายประมาณ 1 ชั่วโมง
  • Warm up อบอุ่นร่างกายประมาณ 5-10 นาที
  • ยืดกล้ามเนื้อ เพิ่มความยืดหยุ่น

สิ่งควรที่ทำหลังจากทำ Body Weight เสร็จ มีดังนี้

  • Cool down ร่างกายประมาณ 5-10 นาที
  • ยืดกล้ามเนื้อ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ให้เลือดไหลเวียน
  • ดื่มน้ำ กินอาหารที่เน้นโปรตีนและมีคาร์โบไฮเดรตปานกลาง
 
ระหว่างทำ Body Weight กินอะไรได้บ้าง?

ระหว่างทำ Body Weight กินอะไรได้บ้าง?

ในการออกกำลังกายแบบ Body Weight นั้น เนื่องจากเป็นการออกกำลังกายที่เน้นการสร้างกล้ามเนื้อ จึงควรกินอาหารจำพวกโปรตีน เพื่อช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อและช่วยฟื้นฟูร่างกายส่วนที่สึกหรอหลังการออกกำลังกาย หลายๆ คนจึงเลือกกินไข่ต้มเพราะเป็นอาหารที่มีปริมาณโปรตีนสูง มีประโยชน์ และที่สำคัญทำง่าย หาได้ง่าย นอกจากนี้การเลือกกินเวย์โปรตีน เพื่อเสริมโปรตีนให้กับร่างกายถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะกินง่าย แถมกำหนดปริมาณโปรตีนได้ตามความต้องการด้วย นอกจากอาหารประเภทโปรตีนแล้ว ร่างกายยังต้องการอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต และไขมันในปริมาณที่เหมาะสมอีกด้วย เพื่อให้มีพลังงานไปใช้ในการออกกำลังกายได้อย่างเพียงพอ แต่ควรเลือกคาร์โบไฮเดรตและไขมันที่ดีต่อสุขภาพ

ทำไมถึงควรเลือกออกกำลังกายแบบ Body Weight

ประโยชน์ของการออกกำลังกายแบบ Body Weight ที่เน้นเรื่องการสร้างกล้ามเนื้อนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับหลายๆ คน เพราะการที่มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง จะทำให้ระบบการทำงานต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดีกว่า ทั้งการลำเลียงอาหาร ระบบการเผาผลาญ ทั้งยังช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย โดยข้อดีของ Body Weight มีหลายข้อด้วยกัน

  • ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
  • กระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญ
  • ฝึกการทรงตัวและความยืดหยุ่นของร่างกาย
  • มีความหลากหลาย สามารถปรับเปลี่ยนท่าทางรูปแบบการออกกำลังกายให้เหมาะกับตัวเองได้
  • ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ
  • ลดความเครียด
  • สะดวก สามารถทำได้ง่ายทุกที่ ทุกเวลา
  • ค่าใช้จ่ายน้อย ไม่ต้องเข้ายิม หรือซื้ออุปกรณ์อะไรมากมาย

ข้อจำกัดของการออกกำลังกายแบบ Body Weight

การทำ Body Weight เป็นการออกกำลังกายที่เน้นการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ต้องการเพิ่มกล้ามให้ใหญ่ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวทหรืออุปกรณ์มาช่วยเพิ่มน้ำหนักในการออกกำลังกายจึงจะสามารถเล่นให้มีกล้ามได้

ในขณะที่การทำบอดี้เวทจะใช้เพียงน้ำหนักตัวมาเป็นแรงต้านในการเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย และมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการสร้างความสมดุลให้แต่ละส่วนของร่างกาย ให้กล้ามเนื้อกระชับและมีความทนทานเพิ่มขึ้นเท่านั้น

FAQ การทำ Body Weight

คำถามหลายข้อที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำ Body Weight ตอบข้อสงสัยที่หลายๆ คนอยากทราบ

ต้องกินไข่วันละ 8 ฟองจริงมั้ย?

การกินไข่วันละ 8 ฟองนั้น สำหรับคนที่ต้องการโปรตีนสูงก็อาจทำได้ไม่มีผลเสียอะไร เพราะในไข่นั้นมีโปรตีนและสารอาหารที่มีมีประโยชน์หลายอย่าง แต่ละคนควรกินไข่อย่างน้อยวันละ 1 ฟองอยู่แล้ว แต่ทางที่ดีควรกินโปรตีนจากอย่างอื่นด้วย เพื่อจะได้รับสารอาหารและกรดอะมิโนที่จำเป็นให้มีความหลากหลายครบถ้วนมากยิ่งขึ้น

กินโปรตีนเสริมแทนข้าวได้มั้ย?

การกินโปรตีนเสริม หรือเวย์โปรตีนแทนข้าวอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องมากนัก เพราะอาจทำให้ได้รับสารอาหาร และกรดอะมิโนจำเป็นอื่นๆ ที่ร่างกายต้องการไม่ครบถ้วน ดังนั้น ควรจะกินอาหารให้ครบทุกหมู่ แต่สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักสามารถกินอาหารเสริมโปรตีนเพื่อลดการกินคาร์โบไฮเดรตอย่างข้าว แป้ง น้ำตาลได้

กินโปรตีนแล้วอ้วนขึ้น จริงมั้ย?

การกินโปรตีนแล้วอ้วนนั้น สามารถเกิดขึ้นได้หากกินโปรตีนมากเกินความต้องการของร่างกาย เพราะเมื่อกินโปรตีนเกินร่างกายก็จะเก็บสะสมไว้เป็นพลังงานสำรองในรูปแบบไขมัน ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้

แต่สำหรับคนที่ชอบออกกำลังกาย หากกินโปรตีนเสริมไปด้วย ก็จะเป็นการเพิ่มสารอาหารที่ช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งทำให้สัดส่วนดูกระชับ ฟิตแอนด์เฟิร์ม แม้ตัวเลขบนตาชั่งจะเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากมวลกล้ามเนื้อนั้นมีน้ำหนักมากกว่าไขมันนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม การกินโปรตีนแล้วอ้วนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้หากกินมากเกินความต้องการของร่างกายแล้วไม่ได้มีการออกกำลังกายควบคู่กันไป โดยโปรตีนส่วนเกินจะถูกเก็บสะสมไว้เป็นพลังงานสำรองในรูปแบบไขมันนั่นเอง

กินโปรตีนตอนไหนดี? ก่อนหรือหลังทำบอดี้เวท

สามารถกินโปรตีนได้ทั้งก่อนและหลังการทำ Body Weight ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการกิน หากกินก่อนออกกำลังกายก็จะช่วยเรื่องการให้พลังงาน ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อในการทำบอดี้เวทและลดความหิวได้ หากกินโปรตีนหลังออกกำลังกายก็จะช่วยฟื้นฟูร่างกาย ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดีขึ้น

 

สรุป

บอดี้เวท (Body Weight) คือ การออกกำลังกายที่ใช้น้ำหนักจากร่างกายตัวเอง แทนการใช้อุปกรณ์เพิ่มน้ำหนักอื่นๆ ถือเป็นอีกวิธีการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่มีความปลอดภัยมาก และจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากทำบอดี้เวทควบคู่กับการกินอาหารที่ให้สารอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะ หรือกินอาหารเสริม เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง ข้าวสาลี และถั่วนอกจากนี้ บอดี้เวทยังสามารถทำได้โดยไม่ต้องเข้าฟิตเนส แถมยังมีท่าออกกำลังกายแบบ Body Weight ให้เลือกทำหลากหลาย จะเป็นมือใหม่ มือโปร ผู้หญิง หรือผู้ชายก็สามารถออกด้วยตัวเองได้เช่นกัน

shop now