น้ำมันอีฟนิงพริมโรส (Evening Primrose Oil) มีสรรพคุณที่โดดเด่นในเรื่องสุขภาพของผู้หญิงโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดอาการปวดประจำเดือน หรือช่วยรักษาอาการร้อนวูบวาบเมื่อถึงช่วงวัยทอง
อีฟนิงพริมโรส คืออะไร?
อีฟนิงพริมโรส หรือ Evening Primrose คือ พืชในเขตหนาว มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ทวีปอเมริกาเหนือ ลักษณะทางกายภาพมีลำต้นสูง มีดอกสีเหลือง และกลีบบาง เมื่อบานแล้วกลีบจะแผ่กว้าง ที่มาของชื่อนี้เป็นเพราะดอกอีฟนิงพริมโรสนั้นเริ่มเบ่งบานในตอนเย็น และจะบานในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิถึงปลายฤดูร้อนเพียงเท่านั้น มีการนำเมล็ดมาใช้ในการผลิตน้ำมันอีฟนิงพริมโรส เพราะมีประโยชน์ทางยา มีฤทธิ์ลดปวดประจำเดือน ต้านการอักเสบในผิวหนัง จึงมักนำมาใช้เป็นส่วนผสมของอาหารเสริมสำหรับผู้หญิง จนถูกขนานนามว่า “King’s cure-all” หรือราชาที่รักษาได้ทุกโรคนั่นเอง2
สารอาหารสำคัญใน อีฟนิงพริมโรส
น้ำมันอีฟนิงพริมโรสมีกรดไขมันโอเมก้า 6 อยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ กรดแกมมา-ไลโนเลอิก (GLA) ประมาณ 60%–80% และกรดไลโนเลอิกประมาณ 8%–14% ซึ่งถือเป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้เอง และเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก โดยเฉพาะในผู้หญิง เพราะมีส่วนช่วยในเรื่องอาการเจ็บป่วยที่มักเกิดแค่กับผู้หญิงเพียงเท่านั้น1
นอกจากนี้ กรดแกมมา-ไลโนเลอิก (GLA) นั้นยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิว โรคผิวหนังอักเสบ หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ก็ตาม ทั้งนี้ยังประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยบรรเทาอาการปวด โดยเฉพาะอาการในผู้หญิงที่มักเกิดก่อนมีประจำเดือน หรืออาการ PMS นั่นเอง2
ให้ผู้หญิงสุขภาพดี
มั่นใจในทุกๆ วัน
น้ำมันอีฟนิงพริมโรส กับสรรพคุณที่ควรรู้
อีฟนิงพริมโรส ถือเป็นพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญต่อร่างกาย จึงทำให้มากไปด้วยสรรพคุณซึ่งบรรเทาอาการที่มักเกิดกับผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่
ป้องกันและบรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน
จากการวิจัยเชื่อว่าผู้หญิงบางคนอาจมีอาการก่อนมีประจำเดือน หรืออาการ PMS เพราะมีความไวต่อฮอร์โมนโปรแลคติน จึงทำให้เกิดอาการซึมเศร้า อารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียว หรืออาการท้องอืดได้ ซึ่งกรดแกมมา-ไลโนเลอิก (GLA) จากน้ำมันอีฟนิงพริมโรสจะเปลี่ยนเป็นโพรสตาแกลนดินเมื่อเข้าสู่ร่างกาย เข้าไปช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ก่อนมีประจำเดือนได้3
บรรเทาอาการคัดเต้านมขณะมีประจำเดือน
กรดแกมมา-ไลโนเลอิก (GLA) จากน้ำมันอีฟนิงพริมโรสมีส่วนช่วยลดอาการอักเสบ รวมถึงช่วยยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนโพรสตาแกลนดิน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการคัดเต้านม3 หากมีการกินน้ำมันอีฟนิงพริมโรสหรือกินควบคู่ไปกับวิตามินอีในทุกๆ วันเป็นเวลา 6 เดือน จะช่วยบรรเทาความรุนแรงของอาการปวดเต้านมได้
บรรเทาอาการร้อนวูบวาบ ในผู้หญิงวัยทอง
กรดแกมมา-ไลโนเลอิก (GLA) จากน้ำมันอีฟนิงพริมโรสมีส่วนช่วยลดอาการอักเสบ รวมถึงช่วยยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนโพรสตาแกลนดิน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการคัดเต้านม3 หากมีการกินน้ำมันอีฟนิงพริมโรสหรือกินควบคู่ไปกับวิตามินอีในทุกๆ วันเป็นเวลา 6 เดือน จะช่วยบรรเทาความรุนแรงของอาการปวดเต้านมได้
สำหรับผู้หญิงในวัยทอง อาการร้อนวูบวาบตามร่างกาย อาจเป็นอีกปัญหาที่ทำให้เกิดความกังวลใจ จนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้ เนื่องจากอาการร้อนวูบวาบส่งผลให้เหงื่อออกตอนกลางคืนบ่อย
จากการวิจัยในผู้หญิงวัยทองที่กินน้ำมันอีฟนิงพริมโรสในปริมาณ 500 มิลลิกรัมเป็นประจำทุกวัน ติดต่อกัน 6 สัปดาห์ พบว่าช่วยลดความรุนแรง และความถี่ของอาการได้3 ความกังวลใจ และอาการร้อนวูบวาบลดลง สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ส่งผลให้คุณภาพชีวิตในด้านอื่นๆ ก็ดีตามไปด้วย
ช่วยลดสิว และรักษาผื่นผิวหนังอักเสบ
กรดแกมมา-ไลโนเลอิกในอีฟนิงพริมโรสยังมีสรรพคุณในการช่วยรักษาสิว ลดการอักเสบของผิวหนัง และลดจำนวนเซลล์ผิวที่ทำให้เกิดแผล ช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น4 นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของโครงสร้างผิวหนัง คืนความแข็งแรงให้แก่เซลล์ผิว ให้ผิวกลับมาเนียนนุ่ม เพิ่มความกระชับและยืดหยุ่น รวมทั้งยังรักษาอาการผื่นผิวหนังอักเสบได้ด้วยเช่นกัน
ช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ และหลอดเลือด
ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าน้ำมันอีฟนิงพริมโรสอาจมีประโยชน์ในการลดความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากอาการหัวใจวาย เพราะมีไขมันในเลือดสูงได้5 โดยการกินน้ำมันจากอีฟนิงพริมโรสที่มีกรดแกมมา-ไลโนเลอิก ทำให้หลอดเลือดแข็งแรง และระบบหมุนเวียนโลหิตทำงานได้ปกติมากขึ้น จึงอาจกล่าวได้ว่า อีฟนิงพริมโรสสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้3
ช่วยลดความดันโลหิต และคอเลสเตอรอล
การศึกษาบางส่วนระบุว่าน้ำมันอีฟนิงพริมโรสช่วยลดค่าความดันโลหิตซิสโตลิกได้ประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นค่าความดันสูงสุดในหลอดเลือดแดงขณะที่หัวใจบีบตัว และสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีว่าน้ำมันที่ได้จากอีฟนิงพริมโรสอาจมีสรรพคุณช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้3
ลดอาการปวดจากข้ออักเสบ และช่วยเพิ่มมวลกระดูก
กรดแกมมา-ไลโนเลอิกในน้ำมันอีฟนิงพริมโรสอาจช่วยลดอาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้2 ซึ่งภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันทำลายเนื้อเยื่อของร่างกาย โดยมีลักษณะเฉพาะคืออาการบวมที่มือ เท้า และเกิดการแข็งตัวของข้อต่อ ทำให้เกิดอาการปวดขึ้นได้
เนื่องจากน้ำมันอีฟนิงพริมโรสมีสรรพคุณต้านการอักเสบ จากการศึกษาจึงแสดงให้เห็นว่าน้ำมันอีฟนิงพริมโรสสามารถลดความรุนแรงของอาการปวด และช่วยให้การเคลื่อนไหวดีขึ้นได้ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการต่างๆ เช่น อาการตึงบริเวณร่างกายในตอนเช้า เป็นต้น นอกจากนี้ หากมีการรับประทานน้ำมันอีฟนิงพริมโรสร่วมกับน้ำมันปลาและแคลเซียม อาจช่วยลดการสูญเสียมวลกระดูก รวมถึงช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกในผู้สูงอายุที่เป็นโรคกระดูกพรุนได้3
ให้ผู้หญิงสุขภาพดี
มั่นใจในทุกๆ วัน
ช่วยรักษาโรคระบบประสาทจากโรคเบาหวาน
น้ำมันอีฟนิงพริมโรสได้รับการศึกษาว่าเป็นวิธีการรักษาที่เป็นไปได้สำหรับโรคปลายประสาทอักเสบจากเบาหวาน ซึ่งเป็นภาวะผิดปกติของเส้นประสาทอันเป็นผลมาจากโรคเบาหวานในระยะยาว5 ทำให้การรับความรู้สึกหรือความเจ็บปวดที่มือหรือเท้าบกพร่อง มักมีอาการชาตามมือ ตามเท้า ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ รวมถึงมีปัญหาด้านการขับถ่ายปัสสาวะอีกด้วย
มีการศึกษาโดยใช้วิตามินอีและน้ำมันอีฟนิงพริมโรสในการรักษาผู้ป่วย 80 คนที่เป็นโรคระบบประสาทจากเบาหวาน นักวิจัยสรุปว่าการรับประทานน้ำมันอีฟนิงพริมโรสร่วมกับวิตามินอี ช่วยให้ 88% ของผู้เข้าร่วมรู้สึกถึงอาการเจ็บปวดมากขึ้น5
ช่วยป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษ
ภาวะครรภ์เป็นพิษหมายถึงการเกิดอาการบวมน้ำ ความดันโลหิตสูง หรือโปรตีนในปัสสาวะสูงพร้อมกันในระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งสัมพันธ์กับการหดตัวของหลอดเลือดสูง การไหลเวียนของเลือดในมดลูกลดลง และอาจเกิดการคลอดก่อนกำหนด
จากการวิจัยในผู้ป่วย 150 คน ในกลุ่มที่ได้รับกรดไขมันในน้ำมันอีฟนิงพริมโรสและแมกนีเซียมออกไซด์มีสุขภาพที่ดีขึ้นมากในช่วงตั้งครรภ์ 6 เดือนเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก รวมถึงโอกาสในการเกิดความดันโลหิตสูงที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ยังต่ำกว่า ในขณะที่กลุ่มยาหลอกมีกรณีความดันโลหิตสูงกว่ามาก เมื่อคลอดทารกออกมาแล้ว ในกลุ่มที่เสริมกรดไขมันในน้ำมันอีฟนิงพริมโรส และกลุ่มแมกนีเซียมออกไซด์ทารกนั้นมีน้ำหนักแรกเกิดดีกว่ากลุ่มยาหลอก จึงอาจกล่าวได้ว่า น้ำมันอีฟนิงพริมโรสเหมาะสำหรับการป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษในระหว่างตั้งครรภ์โดยไม่มีผลข้างเคียงได้1
ช่วยกระตุ้นให้เจ็บครรภ์คลอด
จากการวิจัยโดยให้ผู้ทดลองกินน้ำมันอีฟนิงพริมโรสในรูปแบบแคปซูลปริมาณ 500-2,000 มิลลิกรัมทุกวัน หลังตั้งครรภ์ในช่วงสัปดาห์ที่ 38 หรือนำไปทาทางช่องคลอด โดยวิธีนี้อาจช่วยให้ปากมดลูกอ่อนตัวและบางลงได้ และอาจเกิดการกระตุ้นให้เจ็บครรภ์คลอดได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องรอมดลูกขยายนานจนทำให้ต้องทรมานระหว่างรอคลอด ทั้งนี้กรดแกมมา-ไลโนเลอิกที่พบในน้ำมันอีฟนิงพริมโรสอาจไปกระตุ้นการตอบสนองของฮอร์โมนโพรสตาแกลนดินในร่างกาย จึงช่วยให้ระยะเวลาในการคลอดสั้นลง ลดความเจ็บปวดในช่วงระหว่างรอคลอดได้อีกด้วย1
ปริมาณที่เหมาะสม และวิธีการใช้น้ำมันอีฟนิงพริมโรส
น้ำมันอีฟนิงพริมโรสสามารถกินได้ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน โดยทำการแบ่งกิน และแนะนำให้กินเป็นอาหารเสริมพร้อมกับมื้ออาหารจะได้ผลดีกว่า
คำแนะนำในการใช้ยาที่มีส่วนประกอบจากอีฟนิงพริมโรสอาจแตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปแล้ว หากกินเป็นอาหารเสริมควรกินในปริมาณ 2-6 กรัมต่อวันเป็นเวลา 3-12 เดือน2
น้ำมันอีฟนิงพริมโรส กับปฏิกิริยาระหว่างยา
การกินอีฟนิงพริมโรสควบคู่กับยาบางชนิด อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ โดยไม่ควรกินอีฟนิงพริมโรสตอนที่กำลังกินยาบางประเภท ดังนี้
- ยาเจือจางเลือด น้ำมันอีฟนิงพริมโรสมีสารต้านการแข็งตัวของเลือดและต้านเกล็ดเลือด ซึ่งป้องกันการเกิดลิ่มเลือด อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการตกเลือดมากขึ้น6
- ยาลิเทียม การกินน้ำมันอีฟนิงพริมโรสพร้อมกับลิเทียม อาจยับยั้งฤทธิ์การรักษา และเกิดผลกระทบในการรักษาโรคไบโพลาร์ได้6
- ยา Kaletra (Lopinavir หรือ Ritonavir) อาจส่งผลกระทบในการรักษา HIV จากการกินยา Kaletra (Lopinavir หรือ Ritonavir) กับน้ำมันอีฟนิงพริมโรสได้6
- ยา Phenothiazine อาจเกิดความเสี่ยงต่ออาการชักเพิ่มขึ้น หากกินอาหารเสริมที่มีน้ำมันอีฟนิงพริมโรสร่วมกับยาในกลุ่มยารักษาโรคจิตกลุ่มนี้6
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ จากการใช้อีฟนิงพริมโรส
การกินอีฟนิงพริมโรสมีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่หลายประการ แต่ก่อนกินควรศึกษาข้อควรระวังก่อนกินทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียง5 เช่น ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเสีย ปวดหัว คลื่นไส้และการรับรสเปลี่ยนไป หรืออาการชักในผู้ที่แพ้
ใครบ้างควรระวังการกินน้ำมันอีฟนิงพริมโรส
กลุ่มคนบางกลุ่มอาจเสี่ยงที่จะเจอผลกระทบต่างๆ ต่อร่างกายจากการกินน้ำมันอีฟนิงพริมโรสได้ โดยกลุ่มคนที่ควรระวังเป็นพิเศษ หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินน้ำมันอีฟนิงพริมโรส มีดังนี้
-
สตรีมีครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร อีฟนิงพริมโรสอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงในภาวะแทรกซ้อนในการคลอด หรือทำให้มีผลกระทบต่อทารกแรกเกิดได้ เพราะมีความเสี่ยงต่อการตกเลือด5
ผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หากกินยาต้านการแข็งตัวของเลือดคู่กับน้ำมันอีฟนิงพริมโรส อาจทำให้เกิดรอยฟกช้ำ หรือมีเลือดออกได้ง่ายขึ้น5
ผู้ป่วยลมชัก หรือผู้ป่วยโรคจิตเภท ในผู้ป่วยเหล่านี้อาจเสี่ยงทำให้เกิดอาการชักหลังใช้น้ำมันอีฟนิงพริมโรสได้5
ให้ผู้หญิงสุขภาพดี
มั่นใจในทุกๆ วัน
สรุป
สารอาหารที่สำคัญในอีฟนิงพริมโรส คือกรดแกมมา-ไลโนเลอิก ที่เป็นกรดไขมันโอเมก้า 6 ซึ่งถือเป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้ เมื่อนำมาทำเป็นน้ำมันอีฟนิงพริมโรสจะเกิดประโยชน์ต่อร่างกายของผู้ที่กินเข้าไป เพราะช่วยลดการอักเสบของผิว ลดการเกิดสิว และในผู้หญิงจะช่วยบรรเทาอาการก่อนเกิดประจำเดือน ไปจนถึงมีส่วนช่วยในเรื่องของความดันโลหิต โรคหัวใจ และโรคปวดข้ออักเสบได้
ทั้งนี้ ควรกินน้ำมันอีฟนิงพริมโรสด้วยความระมัดระวังตามปริมาณที่เหมาะสม สำหรับบางกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงจากอีฟนิงพริมโรสควรหลีกเลี่ยง หรือปรึกษาแพทย์ก่อนกินจะดีกว่า