“แอล-กลูตามีน” คืออะไร
แอล-กลูตามีน คือ หนึ่งในส่วนประกอบของกลูตามีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายใช้สร้างกล้ามเนื้อ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย แอล-กลูตามีนจึงมีสรรพคุณที่ช่วยฟื้นฟูร่างกาย เพิ่มการเผาผลาญ และเสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรงยิ่งขึ้น
หากต้องการแหล่งแอล-กลูตามีนเพื่อบำรุงร่างกายเพิ่มเติม สามารถเลือกอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของแอล-กลูตามีน สารสกัดจากส้มสีเลือด (โมโรบลัดออเร้นจ์) และไอโซมอลทูโลส 3 ส่วนผสมแห่งการเผาผลาญ ช่วยลดปริมาณไขมัน ปรับรูปร่าง และเพิ่มการฟื้นตัวของร่างกายให้ดีขึ้น
ทำความรู้จัก แอล-กลูตามีน คืออะไร
ก่อนทำความรู้จักกับแอล-กลูตามีนนั้น มาทำความรู้จักกับ กลูตามีน ก่อนว่าคืออะไร
กลูตามีน ( Glutamine ) คือกรดอะมิโนอิสระชนิดหนึ่งที่มีมากที่สุดในกระแสเลือด2 เป็นโครงสร้างของโปรตีนที่ร่างกายใช้ในการสร้างกล้ามเนื้อ กระดูก และเนื้อเยื่อ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบสมอง และระบบย่อยอาหาร1 โดยปกติแล้วร่างกายสามารถผลิตกลูตามีนขึ้นมาได้เองตามธรรมชาติ และยังสามารถพบได้ในอาหารบางชนิดอีกด้วย แต่กลูตามีนเป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายต้องนำมาใช้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ต้องใช้กล้ามเนื้อมากๆ หรือมีอาการบาดเจ็บทางร่างกาย2
แอล-กลูตามีน (L-Glutamine) คือ หนึ่งในสารประกอบของกลูตามีน ซึ่งมักจะผลิตออกมาในรูปแบบอาหารเสริมชนิดผง เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการกีฬา ฟิตเนส รวมไปถึงการเพาะกาย ด้วยความที่มีโมเลกุลเดียวกัน ทำให้แอล-กลูตามีน สามารถเรียกกว้างๆ ว่าเป็นกลูตามีนได้เช่นกัน2
แอล-กลูตามีน มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
เริ่มต้นจากกลูตามีนสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ L-Glutamine กับ D-Glutamine
โดยในร่างกายของสิ่งมีชีวิตนั้นจะมี L-Glutamine จำนวนมากกว่า และยังมีความสำคัญมากกว่า D-Glutamine อีกด้วย เพราะประเภท L สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายได้ ในขณะที่ประเภท D ไม่ได้มีความสำคัญต่อร่างกายมากนัก ทำให้ L-Glutamine ถูกนำมาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมมากกว่า3-4
นอกจากกลูตามีนแล้วนั้นยังมี L-Glutamine ที่สามารถแบ่งออกได้อีก 2 ประเภท คือ
- Free-form l-glutamine เป็นชนิดที่กินพร้อมกับอาหาร เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น
- Trans-alanyl-glutamine เป็นชนิดกรดอะมิโนที่เกาะติดกับกรดอะมิโนชนิดอื่นๆ สามารถกินในขณะที่ท้องว่างได้ ช่วยให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น2
แอล-กลูตามีน เหมาะกับใคร
แอล-กลูตามีนเหมาะกับผู้ที่ใช้กล้ามเนื้อมากๆ ผู้ที่ต้องการเผาผลาญไขมัน รวมไปถึงผู้ที่กำลังรักษาโรคบางชนิดอยู่ เช่น โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว มีแผลไฟไหม้ มีภาวะแทรกซ้อนจากโรคเอดส์ หรือใช้กับผู้ที่ต้องการเพิ่มความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายหลังจากการผ่าตัดหรือบาดเจ็บ นอกจากนั้นยังมีแนวโน้มว่าสามารถใช้กับผู้ที่มีโรคอ้วน โรคมะเร็งปอด และผู้ที่มีอาการท้องร่วงได้5
อย่างไรก็ตาม แอล-กลูตามีนอาจเพิ่มความเสี่ยงให้บางภาวะมีอาการรุนแรงขึ้นได้ จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะต่อไปนี้
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของตับ
- ผู้ที่เป็นโรคไบโพลาร์
- ผู้ที่แพ้ผงชูรส
แอล-กลูตามีนกับการเผาผลาญ
มีงานวิจัยบ่งชี้ว่าการกินแอล-กลูตามีนสามารถช่วยเผาผลาญไขมันได้ดังต่อไปนี้
- แอล-กลูตามีนช่วยลดปริมาณไขมัน มีงานวิจัยระบุว่าหลังจากกินแอล-กลูตามีนอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่ง จะกระตุ้นให้ร่างกายเพิ่มการเผาผลาญกลูโคส และควบคุมระดับอินซูลินให้คงที่ จึงลดการสะสมไขมันในร่างกาย มีผลทำให้น้ำหนักและรอบเอวลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ10
- แอล-กลูตามีนช่วยให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น3 ในขณะที่ออกกำลังกายนั้น ร่างกายจะเกิดความเครียดและส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนล้า แอล-กลูตามีนจะช่วยให้ระดับอินซูลินลดลง ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ ร่างกายจึงใช้มวลกล้ามเนื้อเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลง จึงเพิ่มระยะเวลาการออกกำลังกายให้นานขึ้นได้นั่นเอง
- แอล-กลูตามีนช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อ แอล-กลูตามีนสามารถเพิ่มระดับโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ได้ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้นหลังจากออกกำลังกาย2
เมื่อแอล-กลูตามีนได้ผสานพลังกับส่วนผสมอื่น อย่าง สารสกัดจากโมโรบลัดออเร้นจ์ และ ไอโซมอลทูโลส กลายเป็น 3 ส่วนผสมแห่งการเผาผลาญ ที่สามารถช่วยปรับรูปร่างให้ดีขึ้นได้ เพียงแค่กินก่อนออกกำลังกาย ก็จะเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมัน และเสริมประสิทธิภาพการออกกำลังกายให้ดียิ่งขึ้น
ประโยชน์ของแอล-กลูตามีน
นอกจากจะมีประโยชน์ที่สำคัญอย่างการช่วยเผาผลาญไขมันแล้ว จากการศึกษาและงานวิจัยต่างๆ ยังให้ข้อมูลว่าแอล-กลูตามีนนั้นมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีก ดังนี้
ช่วยสมานแผล
โดยปกติแล้วเมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บ มีแผลไฟไหม้ หรือมีแผลผ่าตัด ร่างกายจะปล่อยฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความเครียด และเมื่อฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงขึ้น จะส่งผลต่อปริมาณแอล-กลูตามีน ที่มีผลต่อการฟื้นตัวของร่างกาย7
ช่วยให้ลำไส้สุขภาพดี
กลูตามีนเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญต่อเซลล์ในลำไส้ ดังนั้นการกินแอล-กลูตามีนจึงมีส่วนช่วยเสริมสร้างสุขภาพของลำไส้ ทำให้ผนังลำไส้แข็งแรงขึ้น และอาจช่วยในเรื่องลำไส้รั่วและลำไส้แปรปรวนอีกด้วย1
ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน
แอล-กลูตามีนเป็นแหล่งพลังงานสำหรับเซลล์ภูมิคุ้มกัน รวมถึงเซลล์เม็ดเลือดขาวและเซลล์ลำไส้บางชนิด
ช่วยบำรุงหัวใจ
แอล-กลูตามีนมีบทบาทสำคัญในสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด โดยทำหน้าที่เป็นสารตั้งต้นสำหรับการสังเคราะห์ DNA โปรตีน และไขมัน นอกจากนี้อาจมีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบได้ ซึ่งจะลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคเบาหวาน เป็นต้น9
ช่วยบำรุงสมอง
แอล-กลูตามีนมีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง เนื่องจากกลูตามีนเป็นสารตั้งต้นของสารสื่อประสาทในสมอง2 หากร่างกายขาดกลูตามีน อาจส่งผลให้เกิดปัญหาทางสมองได้ เช่น โรคไบโพลาร์ ภาวะซึมเศร้า เป็นต้น การกินแอล-กลูตามีนเปรียบเสมือนการบำรุงให้สารสื่อประสาทยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แอล-กลูตามีนมีในอาหารอะไร ควรกินตอนไหน
แอล-กลูตามีนจะพบได้จากอาหารที่มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ ทั้งในโปรตีนจากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ และผลิตภัณฑ์นม ตลอดจนพบได้ในแหล่งโปรตีนจากพืช เช่น ถั่ว เต้าหู้ ข้าวโพด ผักโขม ผักชีฝรั่ง เป็นต้น แต่การเลือกกินอาหารให้ได้แอล-กลูตามีนและสารอาหารอื่นๆ อย่างครบถ้วนนั้น อาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก จึงมีการผลิตอาหารเสริมแอล-กลูตามีน เพื่อให้กินได้ง่ายขึ้น
โดยปกติแล้วการกินอาหารในแต่ละวัน วันละ 3 มื้อนั้น จะได้รับแอล-กลูตามีนประมาณ 3 - 6 กรัมต่อวัน และไม่ควรได้รับแอล-กลูตามีนเกิน 40 กรัมต่อวัน แต่ในบางคนที่ร่างกายต้องการแอล-กลูตามีนมากกว่าปกติ อาจต้องปรับเปลี่ยนการกินโดยเน้นไปที่โปรตีนมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการกินอาหารเสริมแอล-กลูตามีน ทั้งนี้ ปริมาณการทานอาหารเสริมนั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละผลิตภัณฑ์ว่ามีข้อแนะนำในการกินอย่างไร ดังนั้น ก่อนกินอาหารเสริมควรศึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อย่างถี่ถ้วนเสียก่อน
ผลข้างเคียงของแอล-กลูตามีน
การได้รับแอล-กลูตามีนในปริมาณ 20 - 30 กรัมต่อวันนั้น แทบจะไม่เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายเลย แต่ในบางคนที่เกิดผลข้างเคียงนั้น อาจมีอาการท้องอืด คลื่นไส้ เวียนศีรษะ แสบร้อนกลางอก และปวดท้อง ทั้งนี้ ยังไม่มีงานวิจัยที่ชัดเจนเกี่ยวกับการได้รับแอล-กลูตามีนในปริมาณมาก