Key Takeaway
|
ไม่แพ้..แม้อากาศเปลี่ยน! มารับมือภูมิแพ้อากาศ เสริมภูมิคุ้มกันร่างกายด้วยวิตามินซี ลดความไวต่อสารก่อภูมิแพ้และลดการอักเสบในทางเดินหายใจด้วยวิตามินดีและแมกนีเซียม
“ภูมิแพ้อากาศ” คืออะไร? ต่างจากอาการแพ้อากาศไหม?
“ภูมิแพ้อากาศ” (Allergic Rhinitis) หรือโรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ เป็นภาวะที่เยื่อบุโพรงจมูกเกิดการอักเสบเมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น ขนสัตว์ หรือเกสรดอกไม้ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ส่งผลให้เกิดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล จาม คันจมูก และบางคนอาจมีอาการคันตา น้ำตาไหล ตาแดงร่วมด้วย อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นบ่อยและเรื้อรัง ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน1
ภูมิแพ้อากาศเป็นโรคที่เกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ ส่วนคำว่า “อาการแพ้อากาศ” มักใช้เรียกอาการที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศหรือสารระคายเคืองในอากาศ เช่น คันจมูก จาม น้ำมูกไหล ซึ่งอาจเป็นอาการของภูมิแพ้อากาศหรือเกิดจากสาเหตุอื่นได้ ดังนั้น ภูมิแพ้อากาศคือโรคที่มีสาเหตุชัดเจนจากภูมิคุ้มกัน ส่วนอาการแพ้อากาศเป็นคำที่ใช้อธิบายอาการที่เกิดขึ้นซึ่งอาจมีสาเหตุหลากหลายปัจจัย
สาเหตุของภูมิแพ้อากาศ
สาเหตุของอาการภูมิแพ้อากาศเกิดจากหลายปัจจัยหลัก ดังนี้
- กรรมพันธุ์ หากพ่อแม่มีโรคภูมิแพ้หรือหอบหืด ลูกจะมีโอกาสเป็นภูมิแพ้สูงถึง 50 - 70%2
- สารก่อภูมิแพ้ในสิ่งแวดล้อม เช่น ไรฝุ่นในบ้าน ขนสัตว์เลี้ยง ละอองเกสรดอกไม้ ฝุ่นควัน PM2.5 มลพิษทางอากาศ ควันบุหรี่ และสารเคมีต่างๆ2
- สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น อากาศร้อนจัด เย็นจัด หรือมีความชื้นสูง2
- ปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ เช่น กลิ่นฉุน น้ำหอม สเปรย์ รวมถึงความอ่อนเพลียของร่างกาย2
สารก่อภูมิแพ้เหล่านี้เข้าสู่ร่างกายทางการหายใจ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองโดยหลั่งสารฮีสตามีน (Histamine) และเม็ดเลือดขาวออกมา ส่งผลให้เกิดอาการภูมิแพ้ เช่น คันจมูก จาม น้ำมูกไหล และคัดจมูกตามมา3
วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นภูมิแพ้อากาศ
ใครกำลังหาวิธีแก้อาการภูมิแพ้อากาศเย็น อากาศชื้น อากาศร้อน หรือแพ้สารก่อภูมิแพ้ต่างๆ มาดูวิธีดูแลตัวเองเมื่อมีอาการภูมิแพ้อากาศกัน ดังนี้

1. ใช้เครื่องฟอกอากาศภายในบ้าน
แก้อาการภูมิแพ้อากาศด้วยการใช้เครื่องกรองอากาศกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กมาก เช่น ฝุ่น PM 2.5 เกสรดอกไม้ ไรฝุ่น และสปอร์เชื้อรา ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ นอกจากนี้ เครื่องกรองอากาศยังช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และก๊าซพิษในอากาศ เช่น กลิ่นสารเคมีหรือควันบุหรี่ ที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้กำเริบได้ ทำให้อากาศภายในบ้านสะอาดและปลอดภัยมากขึ้นสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้
เครื่องกรองอากาศที่เหมาะกับคนเป็นภูมิแพ้ควรมีระบบกรอง 3 ชั้น (กรองหยาบ กรองฝุ่น และกรองกลิ่น) และควรเลือกเครื่องกรองอากาศที่สามารถดักจับสิ่งปนเปื้อนในอากาศได้ละเอียดถึง 0.0024 ไมครอน ซึ่งดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็กกว่าฝุ่น PM 2.5 ถึง 1,000 เท่า ทำให้ดักจับได้ทั้งไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา และสารเคมีต่างๆ ได้อย่างหมดจด และควรเลือกเครื่องกรองอากาศที่มีพลังมอเตอร์ประสิทธิภาพสูงที่ทำงานได้ยาวนาน
ส่วนฟังก์ชันเครื่องกรองอากาศอื่นๆ ก็ควรมองหาเครื่องกรองอากาศที่ใช้งานง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก มีระบบแจ้งเตือนการเปลี่ยนแผ่นกรองที่ชัดเจน ไม่ต้องเดาเวลาเปลี่ยน นอกจากนี้ ต้องเลือกที่ผ่านการทดสอบและรับรองประสิทธิภาพการกรองจากสถาบันวิจัยภูมิแพ้ชั้นนำ และได้มาตรฐานเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน ยิ่งถ้ามี Night Mode ที่ทำงานเงียบสนิทก็ยิ่งดีเลย เพื่อให้ทุกคนในบ้านหลับสบายตลอดคืน
2. ล้างจมูกเป็นประจำ
การล้างจมูกเป็นประจำ จะช่วยชะล้างสารก่อภูมิแพ้และสารระคายเคืองต่างๆ ที่ตกค้างอยู่ในโพรงจมูก เช่น ฝุ่นละอองหรือเกสรดอกไม้ สามารถบรรเทาการอักเสบ อาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และยังช่วยให้ระบบทางเดินหายใจทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ การล้างจมูกยังช่วยลดโอกาสการติดเชื้อในโพรงจมูกและไซนัสได้อีกด้วย ควรล้างจมูกด้วยน้ำเกลือสำหรับล้างจมูกวันละ 1 - 2 ครั้ง หรือตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อสุขอนามัยที่ดีและลดอาการภูมิแพ้7
3. เสริมภูมิคุ้มกันด้วยวิตามินซี
เสริมภูมิคุ้มกันด้วยวิตามินซีสำหรับคนเป็นภูมิแพ้อากาศ ในหนึ่งวันควรได้รับวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม จะช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ได้ เนื่องจากมีส่วนช่วยลดระดับฮิสตามีน (Histamine) ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้น้ำตาไหลและน้ำมูกไหล ได้มากถึง 40%4
เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินซีได้ดีขึ้นและลดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร ควรแบ่งกินวันละ 2 ครั้ง ช่วงหลังอาหารเช้าและมื้อเย็น พร้อมดื่มน้ำตามมากๆ และควรกินวิตามินซีอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ลดการอักเสบในระบบทางเดินหายใจ และลดความรุนแรงของอาการภูมิแพ้อากาศ เช่น คัดจมูกและน้ำมูกไหล เป็นต้น
4. หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้
แก้อาการภูมิแพ้อากาศด้วยการลดสัมผัสสารก่อภูมิแพ้โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น เช่น ฝุ่นละออง ไรฝุ่น ขนสัตว์ และละอองเกสรดอกไม้ รวมถึงมลพิษทางอากาศ โดยควรใส่หน้ากากเมื่อออกนอกบ้านด้วย1 นอกจากนี้ การตากผ้าปูที่นอนในแดดร้อน และใช้เครื่องดูดฝุ่นที่ช่วยลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้ในบ้านยังช่วยลดการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้อาการคัดจมูก จาม และคันจมูกลดลง ส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นด้วย

วิธีป้องกันภูมิแพ้อากาศในระยะยาว
อาการภูมิแพ้อากาศหลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ก็ป้องกันได้ด้วยวิธีป้องกันภูมิแพ้อากาศดังนี้
เสริมอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
การกินอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันเป็นวิธีป้องกันภูมิแพ้อากาศได้ โดยการกินอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี เช่น มะขามป้อม อะเซโรลา เชอร์รี มะนาว ส้ม หรือฝรั่ง และผักใบเขียว เช่น บรอกโคลี ผักโขม ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ5 วิตามินดีและแมกนีเซียมก็มีบทบาทช่วยลดความไวต่อสารก่อภูมิแพ้และลดการอักเสบในทางเดินหายใจด้วย
และลองเสริมภูมิคุ้มกันด้วยซินนามอน (Cinnamon) หรืออบเชย ที่มีสารสำคัญหลายชนิด เช่น กรดซินนามิก (Cinnamic Acid) ซินนามาลดีไฮด์ (Cinnamaldehyde) ยูจีนอล (Eugenol) และเอทิลซินนาเมต (Ethyl Cinnamate) ที่ช่วยลดการหลั่งสารฮีสตามีน ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการแพ้ ทั้งนี้ ซินนามอนยังมีสารต้านการอักเสบและสารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้อากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ พิเคา เพรโต (Picao Preto) ยังเป็นสมุนไพรที่ช่วยลดอาการภูมิแพ้ได้ โดยสารสำคัญอย่างเควอซิทิน (Quercetin) และลูทีโอลิน (Luteolin) จะช่วยชะลอการหลั่งฮีสตามีนจากเซลล์เม็ดเลือดขาว จึงบรรเทาอาการแพ้อากาศ เช่น ไอ จาม น้ำมูกไหล และลดการอักเสบที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันด้วยวิตามินซีสูง และมีสรรพคุณลดไข้และต้านการอักเสบ ทำให้พิเคา เพรโตเป็นสมุนไพรที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการภูมิแพ้อากาศ
ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
ลองปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อป้องกันภูมิแพ้อากาศ เช่น หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้โดยดูแลความสะอาดบ้านและเครื่องนอนอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะบริเวณที่อับชื้น อย่าลืมอาบน้ำและสระผมก่อนเข้านอนเพื่อลดสารก่อภูมิแพ้ที่ติดตัวมา รวมถึงหลีกเลี่ยงของใช้ที่มีกลิ่นฉุน น้ำหอม และควันบุหรี่ นอกจากนี้ ก่อนออกจากบ้านก็อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่น มลภาวะ และเชื้อโรคต่างๆ เพื่อทำให้อาการภูมิแพ้ลดลงและป้องกันการกำเริบของโรคได้ดีขึ้นด้วย6
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7 - 8 ชั่วโมง ช่วยป้องกันภูมิแพ้อากาศ เพราะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ทำให้ร่างกายสามารถต้านทานสารก่อภูมิแพ้ได้ดีขึ้น รวมถึงทำให้ไม่ป่วยบ่อยๆ ด้วย การนอนหลับที่มีคุณภาพยังช่วยลดความเครียดและความอ่อนแอของร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้อาการภูมิแพ้กำเริบได้ง่ายนั่นเอง
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้นและลดโอกาสการเกิดอาการภูมิแพ้อากาศได้ ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง โดยเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมและไม่กระตุ้นให้อาการแพ้กำเริบ เช่น เดินเร็ว โยคะ หรือว่ายน้ำ นอกจากนี้ควรเลี่ยงออกกำลังกายในช่วงที่มีมลพิษทางอากาศสูง เช่น ฝุ่น PM2.5 เพื่อป้องกันการระคายเคืองทางเดินหายใจร่วมด้วย การออกกำลังกายยังช่วยลดความเครียดและส่งเสริมสุขภาพโดยรวม ทำให้อาการภูมิแพ้บรรเทาลงและคุณภาพชีวิตดีขึ้น
สรุป
ภูมิแพ้อากาศคือภาวะที่เยื่อบุโพรงจมูกเกิดการอักเสบเมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น ขนสัตว์ หรือเกสรดอกไม้ ทำให้เกิดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล จาม และคันตา ซึ่งต่างจากอาการแพ้อากาศทั่วไปที่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศหรือสารระคายเคืองอื่นๆ การดูแลตัวเองเบื้องต้นทำได้โดยการติดตั้งเครื่องกรองอากาศ ล้างจมูกเป็นประจำ เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงด้วยวิตามินซี และลดการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ สำหรับการป้องกันระยะยาว ควรเน้นการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น กินอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อลดโอกาสเกิดอาการแพ้ในอนาคต