โรคสมองเสื่อม (Dementia) เป็นโรคที่เป็นผลมาจากเซลล์ประสาทในสมองหลายบริเวณเกิดการเสื่อมสภาพหรือตายลง ทำให้การทำหน้าที่รับรู้ของสมองส่วนนั้นๆ เช่น ความจำ การใช้ภาษา สูญเสียไปหรือลดลง ที่พบมากที่สุดก็คือ โรคอัลไซเมอร์ ในคนไทยพบผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมเพิ่มมากขึ้นจากหลายสาเหตุ การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อชะลอการเสื่อมถอยของสุขภาพสมอง นอกจากนี้ก็คือ การกินอาหารบำรุงสมอง ซึ่งจะช่วยในการดูแลหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองรวมทั้งเนื้อสมอง เช่น สารสกัดจากกิงโก บิโลบา สารสกัดดีเอชเอจากปลาทูน่า หรือสารสกัดจากใบบัวบก เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคสมองเสื่อม
- อายุมากขึ้น
- โรคหลอดเลือดสมอง
- สิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมลง ทำให้ผู้คนได้รับอนุมูลอิสระมากขึ้น
- ดื่มสุราจัด
สารสกัดจากพืชสมุนไพรธรรมชาติบำรุงสมอง
1. สารสกัดจากกิงโก บิโลบา หรือใบแป๊ะก๊วย (Ginkgo Bilobas Extract)
มีประโยชน์โดยตรงต่อสุขภาพสมองและในด้านอื่นๆ คือ
- ช่วยลดความข้นหนืดของเลือด ช่วยขยายหลอดเลือดโดยเฉพาะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงระบบประสาท ส่วนปลาย ส่งผลให้ความดันโลหิตในหลอดเลือดลดลง จึงช่วยป้องกันการเกิดภาวะอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง
- ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะบริเวณสมอง
- ช่วยต่อต้านการรวมตัวกันของเกล็ดเลือด ป้องกันไม่ให้เลือดจับตัวเป็นก้อน และช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะอนุมูลอิสระในร่างกาย
- ช่วยยับยั้งการแปรเปลี่ยนสารในกลุ่มอะเซติล โคลีน (Acetyl Choline)ในสมอง ซึ่งมีความสำคัญเกี่ยวกับการจดจำ หากสารกลุ่มนี้ลดลงจะส่งผลให้ความสามารถในการจดจำลดลงไปด้วย
- ช่วยยับยั้งพัฒนาการของการเกิดฟกช้ำและภาวะพิษ ซึ่งทำให้เกิดภาวะสมองบวมตามมา
- ช่วยลดอาการวิตกกังวลหรืออาการซึมเศร้า และอาการผิดปกติทางระบบประสาท ช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์
ขนาดรับประทานวันละ 60 - 120 มิลลิกรัม ติดต่อกันเป็นเวลา 6 - 12 สัปดาห์
ข้อควรระวังคือ หลีกเลี่ยงการรับประทานสารสกัดจากใบแป๊ะก๊วยควบคู่กับยาในกลุ่มต้านอาการซึมเศร้า ยาในกลุ่มต้านสเตียรอยด์ (Non-steroid Anti Inflamatory Drugs; NSAIDS) และยากลุ่มต้านการแข็งตัว เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้
2. สารสกัดดีเอชเอจากปลาทูน่า
ดีเอชเอ (DHA) เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวกลุ่มโอเมก้า-3 ที่พบมากในปลาทะเล เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน เป็นต้น ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของสมองและการมองเห็น การได้รับสารอาหารจำพวกดีเอชเอจากปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทูน่า และปลาแซลมอน จึงเป็นการช่วยเสริมระดับการเรียนรู้ เพิ่มความทรงจำ และช่วยฟื้นฟูประสิทธิภาพการมองเห็น และยังช่วยขยายหลอดเลือดแดง ทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก
ประโยชน์ของดีเอชเอกับสมองและดวงตา
- ช่วยให้เซลล์ประสาทและเซลล์เรตินาของดวงตาทำงานได้เป็นปกติ สตรีที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตรควรรับประทานอาหารที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 และเสริมดีเอชเอในอาหารสำหรับทารก เพื่อให้พัฒนาการของเซลล์สมองและเซลล์ประสาทของทารกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- ชะลอภาวะสมองเสื่อมในวัยสูงอายุ เช่น โรคอัลไซเมอร์ หรือโรคสมองเสื่อม (Dementia) การเสริมสารสกัดดีเอชเอช่วยรักษาระดับกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงในเซลล์ เนื่องจากเซลล์ประสาทมีการเสื่อมสลายไปทุกระยะ การรับประทานกรดไขมันโอเมก้า-3 จึงช่วยซ่อมแซมเซลล์ประสาทเหล่านั้นได้
- ช่วยให้สมองของคนทั่วไปทำงานได้เป็นปกติ โดยพบว่าดีเอชเอในอาหารจะช่วยให้ความสามารถในการเรียนรู้ดีขึ้น ขณะที่อาหารที่ขาดดีเอชเอส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ได้
3. สารสกัดจากใบบัวบก (Gotu Kola Extract)
มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น
- ป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์โดยยับยั้งการสร้างสารที่ทำลายเซลล์สมอง
- ลดความเครียดจากการทำงานหนัก ปรับปรุงระบบการรับส่งกระแสประสาท หรือปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นรอบตัว
- เพิ่มความสามารถในการทำงานของกำลังสมอง รวมทั้งป้องกันและลดสารพิษตกค้างในร่างกาย
- ช่วยต่อต้านการอักเสบ และบำรุงสุขภาพหลอดเลือดให้แข็งแรง
ใครควรรับประทานอาหารบำรุงสมอง
- ผู้ที่มีอาชีพที่ต้องใช้ระบบความคิดและระบบความจำอย่างมากและต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาทิ นักธุรกิจ ทนายความ แพทย์ นักการตลาด เภสัชกร นักบัญชี วิศวกร อื่นๆ
- นักเรียน นักศึกษาที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป ที่ต้องเผชิญกับความเครียด ต้องใช้สมองและความคิดอย่างหนัก หรืออยู่ในช่วงเตรียมตัวสอบ
- ผู้ที่มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เผชิญกับสารอนุมูลอิสระเป็นประจำ
- ผู้ที่ต้องการเสริมความมั่นใจว่าได้รับสารอาหารสำหรับสมองจากธรรมชาติอย่างพอเพียง