Key Takeaway

  • ไขมันพอกตับมักไม่แสดงอาการจนกว่าจะตรวจสุขภาพ อาการเริ่มต้นอาจคลื่นไส้ อ่อนเพลีย หรือรู้สึกตึงใต้ชายโครงขวา ส่วนอาการรุนแรงอาจทำให้ร่างกายอ่อนล้า เบื่ออาหาร ตัวเหลือง หรือท้องและขาบวม
  • ไขมันพอกตับเกิดจากการอาหารแคลอรีสูงและการดื่มแอลกอฮอล์ แบ่งเป็นไขมันพอกตับซึ่งเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป และไขมันพอกตับซึ่งเกิดจากการกินอาหารไขมันสูง น้ำตาลสูงเป็นประจำ
  • ไม่ว่าใครก็เสี่ยงเป็นโรคไขมันพอกตับได้หากดื่มแอลกอฮอล์มาก ไม่ออกกำลังกาย สูบบุหรี่จัด กินหวานมัน มีโรคประจำตัวอย่างเบาหวานหรือโรคอ้วน รวมถึงผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน คนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือได้รับผลข้างเคียงจากยาบางชนิด
  • การดูแลตับเพื่อลดปัญหาไขมันพอกตับควรเน้นที่การกินอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักผลไม้สด ธัญพืช ปลา และไขมันดี ควบคู่กับการหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง แป้ง น้ำตาลมากเกินไป งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ พร้อมทั้งออกกำลังกายและรักษาน้ำหนักให้เหมาะสม

ไขมันพอกตับเป็นโรคที่คนไทยเป็นกันอันดับต้นๆ เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ กินอาหารพลังงานสูง และผลข้างเคียงจากการใช้ยา จึงต้องศึกษาวิธีดูแลตับ เพื่อให้สุขภาพตับดีขึ้น

ตับ สำคัญยังไง?

ตับ เป็นตัวช่วยสำคัญในการผลิตน้ำดีที่จะย่อยอาหาร และยังช่วยสร้างโปรตีน เป็นแหล่งรวบรวมวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย นอกจากนี้ ตับยังทำหน้าที่ในการกำจัดสารพิษ ยา รวมไปถึงการสร้างภูมิคุ้มเพื่อป้องกันแบคทีเรีย หรือทำให้เลือดแข็งตัวจนสมานแผลให้ดีขึ้นได้1 ดังนั้น การดูแลตับให้ดีก็เหมือนเป็นการดูแลสุขภาพตัวเองในอีกหลายๆ ทางได้ เพราะหากเกิดปัญหา เช่น มีไขมันพอกตับ อาจต้องใช้เวลารักษายาวนานได้

ไขมันพอกตับ คืออะไร?

ไขมันพอกตับ หรือไขมันเกาะตับ เป็นกลุ่มโรคชนิดเดียวกัน อาจเกิดจากการสะสมไขมันไตรกลีเซอไรด์ในตับที่มากจนเกินไป (ประมาณ 5–10%2) ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่แสดงอาการอะไรที่เห็นเด่นชัดจนกว่าจะได้รับการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดจึงพบความผิดปกติ นอกจากนี้ ไขมันไตรกลีเซอไรด์ยังเป็นสาเหตุของโรคอื่นๆ ตามมาอีกด้วย

ไขมันพอกตับ มีอาการยังไง?

อาการแรกเริ่มของไขมันพอกตับมักจะไม่ค่อยเห็นเด่นชัด และในหลายๆ คนก็จะมีอาการแตกต่างกันไป เช่น

  • คลื่นไส้
  • อ่อนเพลีย
  • รู้สึกได้ว่ามีความตึงเกิดขึ้นที่ใต้ชายโครงขวา2

และเมื่ออาการรุนแรงขึ้นจะรู้สึกได้ถึงอาการดังนี้

  • ร่างกายอ่อนล้า
  • ความคิดสับสน
  • เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง
  • เป็นดีซ่าน (ตัวเหลือง ตาขาว)
  • ท้องและขาบวมจากการบวมน้ำ
  • ในผู้ชายอาจมีหน้าอกที่ใหญ่กว่าปกติ3
  • ซึ่งเป็นอาการที่ต้องได้รับการตรวจเพราะอาจส่งผลให้เกิดโรคตับแข็งได้1

Amway_-_Mar_Article_6_(re-op)_(ไขมัน_พอก_ตับ)_Content.jpg

ไขมันพอกตับ มีกี่ระยะ?

นอกจากสัญญาณที่ร่างกายแสดงออกข้างต้นแล้ว เมื่อตรวจเจอไขมันพอกตับก็จะเริ่มแสดงอาการเป็น 4 ระยะ คือ

  • ระยะที่ 1 ร่างกายยังไม่แสดงอาการอะไรมากเพราะยังไม่เกิดการอักเสบหรือมีพังผืดในตับ แต่เริ่มมีไขมันสะสมอยู่ในเซลล์ตับแล้ว อาจมีอ่อนเพลีย คลื่นไส้ ไขมันพอกตับระยะนี้ตรวจพบได้จากการตรวจสุขภาพ
  • ระยะที่ 2 เริ่มมีอาการ แต่ยังไม่ชัดเจนตรวจพบค่าตับจากผลเลือดว่ามีความผิดปกติในระดับที่ตับเริ่มมีการอักเสบ หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดพังผืดหรือตับอักเสบเรื้อรัง
  • ระยะที่ 3 อาการจะชัดเจนเซลล์ตับอักเสบเสียหายจนก่อให้เกิดพังผืดในตับ แต่ยังอยู่ในระยะที่ให้การรักษาเพื่อจะหยุดโรคได้
  • ระยะที่ 4 อาการจะรุนแรงขึ้นมากจากตับอักเสบเป็นตับแข็ง และตับไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติแล้ว มีความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งตับได้1

จะเห็นได้ว่า ภาวะไขมันพอกตับมักเป็นโรคที่ไม่มีอาการแสดงในระยะแรกๆ ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตัวเองเป็นจนกว่าจะตรวจพบจากการตรวจสุขภาพประจำปี หรือตรวจเลือดเพื่อดูค่าเอนไซม์ตับในเลือด ทำให้ในบางคนกว่าจะรู้ตัวว่าเป็นไขมันพอกตับโรคก็ลุกลามไปถึงขั้นระยะที่ 3 หรือ 4 แล้ว เพราะฉะนั้น จะดีกว่าไหม? ถ้ารีบดูแลสุขภาพร่างกายตั้งแต่แรกเริ่มและตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้มีโอกาสเสี่ยงเป็นไขมันพอกตับ

ไขมันพอกตับ เกิดจากอะไร?

โดยทั่วไปแล้ว การกินอาหารที่แคลอรีสูงจะเป็นสาเหตุของการเกิดไขมันพอกตับ ซึ่งนำมาสู่อาการดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น รวมไปถึงการดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดไขมันพอกตับ4 และมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การเกิดโรคอื่นๆ ได้อีกด้วย

ไขมันพอกตับที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ (AFLD)

ร่างกายที่ได้รับแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินไปในระยะเวลาสั้นๆ อาจปรับตัวไม่ทัน จนกระบวนการเผาผลาญของตับมีปัญหา5 ทำให้ไขมันมีการสะสมและเกาะตัวที่ตับ หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมจะทำให้เป็นตับแข็งได้

ไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ (NAFLD)

ไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ (NAFLD) เกิดจากการกินอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง เป็นประจำ เช่น ชานม เนื้อติดมัน เค้ก ทำให้ตับเผาผลาญไม่ทัน เกิดการสะสมไขมันไว้ที่ตับจนเป็นสาเหตุให้เกิดไขมันพอกตับในที่สุด

นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ ยังมีความเสี่ยงเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือโรคหัวใจตามมาได้อีกด้วย6 ความเสี่ยงอื่นๆ ที่ทำให้เกิดไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ ยังมีอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความดันสูง ต่อมไทรอยด์มีปัญหา การสูดดมควันหรือมลภาวะมากเกินไป เป็นต้น

โรคอื่นๆ ที่มักเจอร่วม เมื่อมีภาวะไขมันพอกตับ

ไขมันพอกตับเป็นโรคที่สามารถเกิดร่วมกับโรคทางกายอื่นๆ ได้ หรือบางครั้งการมีโรคประจำตัวอยู่แล้วก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการของโรคไขมันพอกตับได้เช่นกัน

  • โรคตับแข็ง
  • โรคมะเร็งตับ
  • โรคอ้วน
  • โรคเบาหวาน หรือภาวะดื้ออินซูลิน14
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคไวรัสตับอักเสบ
  • โรคไขมันในเลือดสูง

ใครเสี่ยงที่จะเป็นไขมันพอกตับบ้าง?

ใครเสี่ยงที่จะเป็นไขมันพอกตับบ้าง?

ไม่ว่าใครก็มีความเสี่ยงของการเกิดโรคไขมันพอกตับได้ หากดูแลตัวเองหรือกินอาหารที่ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ เช่น

  • ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
  • ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
  • สูบบุหรี่จัด หรืออยู่ในที่ที่มีควันมาก
  • กินยาที่ไม่จำเป็นมากจนเกินไป กินยามากกว่าที่แพทย์สั่ง หรือหายามากินเอง
  • กินอาหารประเภทของหวาน ของมัน ในปริมาณมาก
  • มีโรคประจำตัวอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน13
  • ผู้หญิงที่หมดประจำเดือน
  • มีภาวะหยุดหายใจตอนหลับ
  • ได้รับผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาต้านไวรัส หรือยาเคมีบำบัด20

วิธีกินเพื่อป้องกันภาวะไขมันพอกตับ

วิธีที่จะช่วยดูแลตับเพื่อลดการเกิดปัญหาไขมันพอกตับควรเน้นที่การกินอาหารให้เป็นประโยชน์และการดูแลตัวเอง เช่น

  • กินผัก ผลไม้สด ธัญพืช เช่น บรอกโคลี หัวหอม หรือกระเทียม เพราะมีส่วนช่วยในการเร่งกระบวนการกำจัดพิษออกจากตับได้ดี
  • กินเนื้อปลา หรือเนื้อที่ไม่ติดมัน
  • เลี่ยงการกินอาหารไขมันสูง เช่น เนย นม เค้ก ชีส กะทิ หรือไข่แดง เพราะอาจทำให้เกิดการสะสมของไขมันและนำไปสู่การเกิดไขมันพอกตับได้
  • เลี่ยงอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล ที่มากเกินไป
  • สมุนไพรอย่างชะเอมเทศ หรืออาหารเสริมบางชนิดมีฤทธิ์ช่วยขับพิษออกจากตับได้ อีกทั้งยังช่วยเยียวยาและกระตุ้นการทำงานของตับที่เสียหายด้วย
  • เลือกกินไขมันที่ดี เช่น น้ำมันมะกอก หรืออาโวคาโด เพราะมีคุณค่าทางอาหารสูง
  • เลี่ยงดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
  • ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ7
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่จำเป็น
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม2
  • เลือกกินอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารอาหารบำรุงตับ ไม่ว่าจะเป็น เมล็ดองุ่น บรอกโคลี ชะเอมเทศ เป็นต้น

อาหารบำรุงตับ ป้องกันภาวะไขมันพอกตับได้

อาหารบำรุงตับ ป้องกันภาวะไขมันพอกตับได้

อาหารที่เป็นประโยชน์กับตับนั้นค่อนข้างเยอะ และยังมีส่วนช่วยในการลดโอกาสเกิดไขมันพอกตับได้อีกด้วย

1. ชะเอมเทศ

ในชะเอมเทศจะมีสารกลุ่มที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนในการบำรุงตับที่ลดโอกาสเกิดมะเร็ง หรือไขมันพอกตับได้ รวมถึงยังมีฤทธิ์ในการช่วยย่อยอาหารได้ดี ทั้งนี้ การกินชะเอมเทศก็ควรบริโภคในปริมาณที่พอดี เพราะหากกินมากไปจะส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูง หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ สตรีมีครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อน พึงระวังว่าอะไรที่มากหรือน้อยเกินไปมักส่งผลเสียได้มากกว่าผลดี

2. บรอกโคลี

ความสำคัญของตับก็คือการช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ซึ่งมีความเหมือนกันกับบรอกโคลี ที่มีประโยชน์ในเรื่องของการกำจัดสารพิษออกจากตัวได้8เมื่อกินบรอกโคลีแล้วจึงช่วยบำรุงตับ ทำให้การขับถ่ายทำได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่าบรอกโคลีมีส่วนช่วยในการสลายไขมัน9 ทำให้ไขมันเกาะตับได้น้อยและดีต่อสุขภาพ

3. สารสกัดจากเมล็ดองุ่น

สารสกัดจากเมล็ดองุ่นมีส่วนช่วยในการป้องกันการอักเสบของตับได้ดี การกินเมล็ดองุ่นจึงเป็นวิธีดูแลตับที่ดี ทำให้ตับได้ฟื้นฟูสภาพ10 ระบบร่างกายทำงานได้ดีมากขึ้น สิ่งสำคัญคือช่วยป้องกันความเสี่ยงในการพัฒนาไปสู่มะเร็งตับได้

4. ชาเขียว

การกินชาเขียวเป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลตับที่น่าสนใจ เพราะชาเขียวมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงการเกิดพังผืดในตับได้11 นอกจากนี้สาร EGCG ในชาเขียวยังมีส่วนช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันในร่างกายอีกด้วย

5. เนื้อปลา

ปลา เป็นอาหารที่มอบคุณค่าทางโภชนาการให้กับร่างกายได้มากมาย นอกจากจะช่วยบำรุงสมองแล้ว ยังช่วยลดระดับไขมันที่อาจเกาะอยู่ตามตับ จนอาจส่งผลทำให้เกิดอาการที่เป็นสาเหตุของไขมันพอกตับได้ในอนาคต และยังช่วยลดการอักเสบของตับได้ด้วย ควรเลือกกินปลาแซลมอน ปลาทูน่า หรือปลาซาร์ดีน เพราะเป็นปลาประเภทที่มีโอเมกา 3 สูง12 ทำให้ลดความเสี่ยงการเกิดไขมันพอกตับได้

รวม 7 เมนูอาหารสำหรับคนเป็นไขมันพอกตับ

รวม 7 เมนูอาหารสำหรับคนเป็นไขมันพอกตับ

คนเป็นไขมันพอกตับควรกินอะไร? มาดูเมนูอาหารสำหรับคนเป็นไขมันพอกตับกัน

1. ข้าวหน้าอกไก่ผักรวม

ข้าวหน้าอกไก่ผักรวมเป็นเมนูสุขภาพที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการจากหลายวัตถุดิบ ดังนี้

  • อกไก่ไม่มีหนัง มีโปรตีนคุณภาพสูงแต่ไขมันต่ำ ช่วยซ่อมแซมเซลล์ตับที่เสียหาย 
  • ผักรวมหลากสี เช่น บรอกโคลีที่มีซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) ช่วยขับสารพิษออกจากตับ 
  • แคร์รอต ที่มีเบต้าแคโรทีนช่วยลดการอักเสบของตับ 
  • ผักใบเขียว ที่อุดมด้วยคลอโรฟิลล์ช่วยกำจัดสารพิษ 
  • ข้าวกล้อง ซึ่งมีใยอาหารสูงช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดและลดการสะสมไขมันในตับ 

เมนูนี้เหมาะมากสำหรับคนที่อยากลดไขมันพอกตับ เนื่องจากมีไขมันต่ำ คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน และสารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยฟื้นฟูการทำงานของตับและลดการสะสมไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. สเต็กแซลมอนใส่หน่อไม้ฝรั่ง

สเต็กแซลมอนใส่หน่อไม้ฝรั่งเป็นเมนูที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งประกอบไปด้วยสารอาหารดังนี้

  • ปลาแซลมอน เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงและกรดไขมันโอเมกา 3 ที่ช่วยลดการอักเสบและสนับสนุนการทำงานของตับ 
  • หน่อไม้ฝรั่ง มีสารแอนติออกซิแดนท์และกลูตาไธโอน (Glutathione) ที่ช่วยในกระบวนการดีท็อกซ์ของตับ 
  • กระเทียมและพริกไทย มีสารต้านการอักเสบและช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ในตับ 
  • น้ำมันมะกอก ที่ใช้ปรุงอาหารมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่ช่วยลดไขมันสะสมในตับ 

เมนูนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่มีภาวะไขมันพอกตับ เนื่องจากช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญไขมัน ลดการสะสมไขมันในตับ และส่งเสริมการฟื้นฟูเซลล์ตับที่ได้รับความเสียหาย

3. ซุปหัวผักกาดกับอกไก่

ซุปหัวผักกาดกับอกไก่เป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์หลากหลาย ประกอบไปด้วย

  • หัวผักกาดขาว ซึ่งมีสารกลูโคซิโนเลต (Glucosinolates) ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ในตับ ทำให้การขับสารพิษมีประสิทธิภาพมากขึ้น 
  • อกไก่ เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่มีไขมันต่ำ ช่วยซ่อมแซมเซลล์ตับที่เสื่อมสภาพและสนับสนุนการฟื้นฟูตับโดยไม่เพิ่มภาระไขมัน 
  • ขิง มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ 
  • กระเทียม มีสารประกอบกำมะถันช่วยกระตุ้นการขับสารพิษออกจากตับ 

เมนูนี้เลยเหมาะมากกับคนที่มีภาวะไขมันพอกตับ เพราะให้พลังงานต่ำ ช่วยลดการสะสมไขมันในตับ และยังกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูและล้างพิษในตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. ข้าวกล้องผัดสมุนไพร

ข้าวกล้องผัดสมุนไพรเป็นเมนูสุขภาพที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ ประกอบไปด้วยสารอาหาร ดังนี้

  • ข้าวกล้อง มีใยอาหารสูงช่วยระบบขับถ่ายและควบคุมน้ำตาลในเลือด 
  • สมุนไพรหลากหลาย เช่น ใบกะเพรา ขิง ข่า ตะไคร้ และกระเทียม ซึ่งมีสารแอนติออกซิแดนท์และสารต้านการอักเสบ โดยเฉพาะใบกะเพราและขิงที่มีสารช่วยกระตุ้นการทำงานของตับและล้างสารพิษ 
  • น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันรำข้าว มีไขมันดีที่ช่วยสลายไขมันสะสมในตับ 

คนที่มีภาวะไขมันพอกตับควรกินเมนูนี้เพราะช่วยลดการสะสมไขมัน เพิ่มการเผาผลาญ และบำรุงตับให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่เพิ่มภาระให้ตับต้องทำงานหนักเกินไป

5. สลัดผักรวมกับน้ำสลัดน้ำมันมะกอก

สลัดผักรวมกับน้ำสลัดน้ำมันมะกอกเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ ดังนี้

  • ผักหลากหลายชนิด เช่น ผักกาดหอม คะน้า บรอกโคลี แคร์รอต และมะเขือเทศ ซึ่งอุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย 
  • น้ำสลัดน้ำมันมะกอก ประกอบด้วยน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง ช่วยต้านการอักเสบและลดระดับไขมันในเลือด ทำให้ตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

การกินอาหารแบบนี้เป็นประจำจะช่วยลดไขมันพอกตับ ช่วยบำรุงตับด้วยการกระตุ้นการขจัดสารพิษและลดการสะสมไขมันในตับ จึงเหมาะมากๆ สำหรับคนมีภาวะไขมันพอกตับและต้องการอาหารที่มีไขมันดีเพื่อช่วยฟื้นฟูการทำงานของตับให้กลับมาแข็งแรง

6. เต้าหู้ผัดเห็ดและผักตระกูลกะหล่ำ

เต้าหู้ผัดเห็ดและผักตระกูลกะหล่ำเป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ โดยเฉพาะสำหรับผู้มีปัญหาไขมันพอกตับ 

  • เต้าหู้ เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่มีไขมันต่ำและช่วยลดคอเลสเตอรอล 
  • เห็ด มีสารแอนติออกซิแดนท์และกรดอะมิโนที่สนับสนุนกระบวนการขจัดสารพิษในตับ 
  • ผักตระกูลกะหล่ำ อย่างบรอกโคลีหรือกะหล่ำปลีที่อุดมด้วยสารกลูโคซิโนเลตและซัลโฟราเฟน ซึ่งกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่ช่วยล้างพิษในตับและลดการอักเสบ 

เมนูนี้ยังมีไฟเบอร์สูงซึ่งช่วยในการขับถ่ายและลดการดูดซึมไขมันและน้ำตาล ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีภาวะไขมันพอกตับ เนื่องจากช่วยลดปริมาณไขมันในเลือด ฟื้นฟูเซลล์ตับที่เสียหาย และสนับสนุนกระบวนการล้างพิษตามธรรมชาติของร่างกาย

7. ข้าวโอ๊ตกับผลไม้และถั่ว

ข้าวโอ๊ตผสมผลไม้และถั่วเป็นอาหารเช้าที่มีคุณค่าโภชนาการสำหรับการบำรุงตับโดยเฉพาะสำหรับคนที่มีภาวะไขมันพอกตับ เพราะมีสารอาหารดังนี้ 

  • ข้าวโอ๊ต อุดมด้วยใยอาหารละลายน้ำเบต้ากลูแคน (Beta Glucan) ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและควบคุมน้ำตาลในเลือด 
  • ผลไม้เบอร์รี อย่างบลูเบอร์รีและสตรอเบอร์รีมีสารแอนติออกซิแดนท์สูง ช่วยลดการอักเสบในตับและป้องกันการทำลายเซลล์ตับ 
  • ถั่วต่างๆ เช่น อัลมอนด์และวอลนัทอุดมด้วยวิตามินอี โอเมกา 3 และกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพซึ่งช่วยลดการสะสมไขมันในตับ 

ทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันเพื่อช่วยในกระบวนการดีท็อกซ์ตับ ลดภาวะอักเสบ และสนับสนุนการฟื้นฟูเซลล์ตับที่เสียหาย ทำให้เป็นตัวเลือกอาหารที่เหมาะสมที่จะลดไขมันพอกตับและปรับปรุงสุขภาพตับอย่างเป็นธรรมชาติ

ดูแลตัวเองยังไงให้ห่างไกลจากไขมันพอกตับ

การดูแลสุขภาพให้ห่างไกลไขมันพอกตับช่วยให้สุขภาพตับดีไปอีกนาน สามารถลดไขมันพอกตับได้ดังนี้15 

  • ลดแอลกอฮอล์ เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ไขมันสะสมในเซลล์ตับมากขึ้น หากตับเกิดการอักเสบเรื้อรังจะทำให้เกิดโรคตับแข็ง และมะเร็งตับได้ในที่สุด
  • ลดอาหารไขมันสูง โดยเฉพาะของทอด เนื้อสัตว์ติดมัน หรือผลิตภัณฑ์จำพวกเนยและผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันสูง เพราะการกินไขมันมากเกินไปจะทำให้ตับทำงานหนักจนทำให้เกิดไขมันสะสมในตับ
  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ จิบน้ำบ่อยๆ ตลอดวัน เพื่อช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
  • ล้างผักและผลไม้ให้สะอาดก่อนกิน เพื่อลดสารปนเปื้อนที่อาจเป็นพิษต่อตับ
  • ออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 30-40 นาที สัปดาห์ละ 4-5 วัน รวม 150 นาทีขึ้นไปต่อสัปดาห์ เพื่อกระตุ้นระบบเผาผลาญ 
  • ดูแลระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ ไม่ปล่อยให้ท้องผูกสะสม
  • ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรหากต้องกินยาเป็นประจำ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงต่อตับ
  • ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อติดตามการทำงานของตับ แม้ยังไม่มีอาการแสดงให้เห็น
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยพิจารณาจากค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index: BMI)

สูตรคำนวณ BMI คือ น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (เมตร) ยกกำลัง 2

ตัวอย่าง น้ำหนัก 70 กิโลกรัม ส่วนสูง 175 เซนติเมตร

  • BMI = 70 ÷ (1.75 × 1.75)
  • BMI = 70 ÷ 3.06
  • BMI = 22.87 (อยู่ในเกณฑ์ปกติ)

สรุป

ไขมันพอกตับ เป็นโรคที่ไม่ควรมองข้ามเพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่ได้ดูแลสุขภาพอย่างดี ก็อาจมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคตับแข็งหรือโรคมะเร็งตับตามมาได้ สาเหตุของการเกิดโรคไขมันพอกตับ ในช่วงแรกจะยังไม่แสดงอาการมาก อาจอ่อนเพลีย คลื่นไส้ ปวดใต้ชายโครงขวา แตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่เมื่ออาการรุนแรงขึ้น หรือมีไขมันเกาะที่ตับมากจนเกิดพังผืด ก็อาจเป็นผลเสียมากกว่านั้นได้ ดังนั้น เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเกิดไขมันพอกตับ ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักผลไม้ บรอกโคลี เมล็ดองุ่น เนื้อปลา ชาเขียว หรือสมุนไพรอย่างชะเอมเทศ ก็จะช่วยบำรุงตับได้ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รวมถึงลดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ก็จะช่วยป้องกันการเกิดโรคไขมันพอกตับ และไม่ก่อให้เกิดโรคอื่นๆ เช่น เบาหวาน ตับแข็ง ความดันโลหิตสูง

ข้อมูลอ้างอิง

  1. ปฏิพัทธ์ ดุรงค์พงศ์เกษม. ไขมันพอกตับ ไม่อ้วนก็เป็นได้. Samitivejhospitals.com. Published 28 April 2023. Retrieved 27 February 2024.

  2. โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาการุณย์. ไขมันพอกตับ ภัยเงียบที่คุณอาจไม่รู้ตัว. Siphhospital.com.  Published 17 August 2020. Retrieved 27 February 2024.

  3. Paige Fowler. Fatty Liver Disease Symptoms. Webmd.com. Published 1 November 2023. Retrieved 27 February 2024.

  4. Better Health Chanel. Causes of fatty liver disease. betterhealth.vic.gov.au. Published (no date). Retrieved 27 February 2024.

  5. The Healthline Editorial Team and Jikk Seladi-Schulman. What are the causes of fatty liver disease?. Healthline.com. Published 8 February 2023. Retrieved 27 February 2024.

  6. NHS. Non-alcoholic fatty liver disease (NAFLD). nhs.uk. Published 13 January 2022. Retrieved 27 February 2024.

  7. Bangkok Hospital.ป้องกันภาวะไขมันพอกตับ.bangkokhospital.Retrieved 27 February 2024.

  8. โรงพยาบาลวิชัยเวชอินเตอร์เนชั่นแนล อ้อมน้อย.สุดยอดอาหารบำรุงตับ มีอะไรบ้าง. Vichaivej-omnoi.com. Published (no date). Retrieved 28 February 2024.

  9. Jon Johnson.Food and drinks to help heal a fatty liver. Medicalnewstoday.com. Published 7 September 2023. Retrieved 28 February 2024.

  10. โรงพยาบาลบางปะกอก3. 5 อาหารบำรุงตับ หาทานง่าย ทานแล้วตับแข็งแรง. Bangpakok3.com. Published 14 June 2022. Retrieved 28 February 2024.

  11. Jabeen Begum.Ginger to green tea. Medicinenet.com. Published 27 January 2023. Retrieved 28 February 2024.

  12. Yap Wei Ming Louis. 10 Common Food Choices for People with Fatty Liver Desease. Mountelizaveth.com.sg. Published 23 February 2023. Retrieved 28 February 2024.

  13. โรงพยาบาลเปาโล. ไม่อยากเป็น “ตับแข็ง” หรือ “ไขมันพอกตับ” ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม. Paolohospital.com. Published 5 February 2020. Retrieved 28 February 2024.

  14. ศรีจันทร์ พรจิราศิลป์. โรคไขมันพอกตับ : ยาที่ทำให้เกิดไขมันพอกตับและยาที่ใช้รักษา. Pharmacy.mahidol.ac.th. Published 6 December 2015. Retrieved 28 February 2024.

  15. โรงพยาบาลเปาโล. เคล็ดลับดูแลสุขภาพ ห่างไกล ไขมันพอกตับ (Fatty Liver Disease). Paolohospital.com. Published 12 July 2023. Retrieved 5 March 2025.

shop now