โคเอนไซม์คิวเท็นเป็นสารสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เองตามธรรมชาติ และจำเป็นต้องมีอยู่จำนวนมากและเพียงพอ โดยเฉพาะในอวัยวะที่ต้องการพลังงานสูง เช่น หัวใจ ตับ ตับอ่อน ไตและระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น โคเอนไซม์คิวเท็นอาจจะเกี่ยวข้องกับทุกพื้นที่ที่เกี่ยวกับสุขภาพของร่างกาย โดยเฉพาะสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด โดยช่วยลดภาวะหลอดเลือดแข็งตัวด้วยการจำกัดปริมาณของไขมันที่จะไปสะสมบนผนังหลอดเลือด และลดการสะสมของโคเลสเตอรอลในเลือด นอกจากนี้ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายโดยเฉพาะเซลล์ที่กล้ามเนื้อหัวใจ
โคเอนไซม์คิวเท็นคืออะไร
โคเอนไซม์คิวเท็น (Coenzyme Q10) หรือรู้จักกันในนาม คิวเท็น (Q10) มีลักษณะคล้ายวิตามินอีและวิตามินเค ซึ่งละลายได้ในไขมัน พบในทุกเซลล์ของร่างกาย เป็นสารที่ช่วยเหลือการทำงานของเอนไซม์ในร่างกายหลายชนิด ซึ่งจำเป็นสำหรับการนำวิตามินและเกลือแร่ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย ร่างกายสามารถสร้างโคเอนไซม์คิวเท็นส่วนหนึ่งจากกระบวนการสังเคราะห์ไขมันโคเลสเตอรอลที่ตับ อีกส่วนหนึ่งได้รับจากอาหาร เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล เนื้อสัตว์ ถั่วเปลือกแข็ง น้ำมันพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันคาโนลา เป็นต้น
โคเอนไซม์คิวเท็นสำคัญอย่างไร
- ช่วยเพิ่มหรือขับออกซิเจน (Oxygen) ให้แก่เซลล์เนื้อเยื่อต่างๆ
- เป็นตัวร่วมในกระบวนการหายใจระดับเซลล์ที่ใช้ออกซิเจน
- เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการสร้างพลังงานที่เรียกว่า ATP (Adenosine Triphosphate) ซึ่งเป็นพลังงานพื้นฐานที่สร้างขึ้นโดยโมเลกุลของเซลล์เพื่อให้เซลล์ทำหน้าที่ต่างๆได้
สภาวะของร่างกายมีผลต่อระดับโคเอนไซม์คิวเท็นอย่างไร
โคเอนไซม์คิวเท็นในร่างกายจะลดลงเมื่อมีปัจจัยดังนี้
- อายุ ระดับของโคเอนไซม์คิวเท็นในเนื้อเยื่อจะสูงสุดเมื่ออายุประมาณ 20 ปี หลังจากนั้นจะค่อยๆ ลดลง
- โรคบางชนิด เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลวจากเลือดคั่ง อาการปวดเค้นหน้าอก กล้ามเนื้อหัวใจตาย ความดันโลหิตสูง โรคพาร์คินสัน และโรคหืด
ใครบ้างที่ควรได้รับการเสริมด้วยโคเอนไซม์คิวเท็น
- ผู้ที่ร่างกายอยู่ในภาวะอารมณ์เครียดและสับสน
- ผู้ที่ทำงานหนักและต้องการรักษาระดับพลังงานในร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ
- ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วย หรือภูมิคุ้มกันลดลง
- ผู้ที่มีความเสี่ยงเรื่องโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง
- ผู้ที่กำลังต้องการพลังงานเพื่อต่อสู้กับโรคหรือเชื้อโรค
- ผู้สูงอายุและนักกีฬา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการหายใจของเซลล์แบบใช้ออกซิเจน ทำให้กล้ามเนื้อของนักกีฬาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดอาการล้าของกล้ามเนื้อ
งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโคเอนไซม์คิวเท็น
1. โคเอนไซม์คิวเท็นกับสุขภาพของหัวใจ
โรคหลอดเลือดหัวใจโคโรนารี เป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะหัวใจล้มเหลวและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของมนุษย์ เกิดจากการสะสมของไขมันโดยตรงบนผนังหลอดเลือด หรือภาวะหลอดเลือดแข็งตัวโคเอนไซม์คิวเท็นมีบทบาทสำคัญมากในการลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะหลอดเลือดแข็งตัว โดยจำกัดปริมาณของไขมันที่จะไปสะสมบนผนังหลอดเลือด นักวิจัยบางท่านเชื่อว่า การเสริมวิตามินอี (Vitamin E) ร่วมกับ โคเอนไซม์คิวเท็น ให้ผลในการลดความเสี่ยงและเพิ่มการป้องกันภาวะหลอดเลือดอุดตันได้มากกว่า การได้รับเพียงอย่างเดียว นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า โคเอนไซม์คิวเท็นสามารถช่วยและลดการสะสมของโคเลสเตอรอลในเลือด เพิ่มเอชดีแอล โคเลสเตอรอล (HDL-Cholesterol) ได้ด้วย
ผู้ที่มีอาการปวดเค้นหน้าอก (Angina) การเสริมด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโคเอนไซม์คิวเท็น สามารถลดอาการปวดเค้นหน้าอกลงได้ และยังมีความสามารถออกกำลังกายได้นานขึ้นด้วย
2. โคเอนไซม์คิวเท็นกับการต้านอนุมูลอิสระ
อนุมูลอิสระเกิดขึ้นได้โดยธรรมชาติในชีวิตประจำวัน ร่างกายผลิตอนุมูลอิสระขึ้นจากหลายสาเหตุ อาทิ กระบวนการอักเสบภายในร่างกาย การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน สิ่งแวดล้อม ความไม่สมดุลที่เกิดขึ้นในร่างกาย แหล่งของอนุมูลอิสระ ได้แก่ มลภาวะ การออกกำลังกาย แสงแดด การสูบบุหรี่ ยาปราบศัตรูพืช รังสีเอ็กซ์ (x-ray) และอาหารทอด เป็นต้น
ผิวหนังของคนเรามีสารต้านออกซิเดชันอยู่จำนวนมาก ได้แก่ วิตามินอี โคเอนไซม์คิวเท็น เป็นต้น แสงแดดมีผลให้ปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระลดลง การมีอายุเพิ่มขึ้นพบว่ามีการสร้างโคเอนไซม์คิวเท็นลดลงเช่นกัน จึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวหนังเกิดริ้วรอยเมื่อมีอายุมากขึ้น โคเอนไซม์คิวเท็นมีบทบาทสำคัญในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ทั้งที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาในร่างกายและจากสภาวะภายนอก จึงป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายโดยเฉพาะเซลล์ที่กล้ามเนื้อหัวใจ รวมถึงปกป้องการทำลายดีเอ็นเอ (DNA) ได้ด้วย
สารอาหารสำคัญที่ดูแลสุขภาพหัวใจให้อ่อนเยาว์
แอล-คาร์นิทีน (L-Carnitine)
ร่างกายของคนเราสังเคราะห์แอล-คาร์นิทีนได้โดยเฉลี่ยมีประมาณ 20-25 กรัมในร่างกาย ซึ่งในจำนวนนี้ 98% พบในกล้ามเนื้อลายและกล้ามเนื้อหัวใจ แสดงให้เห็นว่าแอล-คาร์นิทีน มีความสำคัญมากต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ร่างกายยังได้รับแอล-คาร์นิทีนจากอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ ปลา นม เนย ไข่ ส่วนอาหารประเภทพืชผักมีแอล-คาร์นิทีนอยู่จำนวนน้อย ยกเว้น แอสพารากัส (Asparagus) อะโวคาโด (Avocados) และเนยถั่ว (Peanut Butter) ซึ่งมีแอล-คาร์นิทีนอยู่จำนวนค่อนข้างมากกว่าพืชอื่นๆ
ทอรีน (Taurine)
ทอรีนมีบทบาทสำคัญมากในร่างกาย ทอรีนจะไปจับกับน้ำดีและเป็นส่วนหนึ่งของน้ำดี ซึ่งช่วยในการดูดซึมไขมันและวิตามินที่ละลายในไขมัน นอกจากนี้ ทอรีนยังมีคุณประโยชน์อีกหลายอย่าง เช่น ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ ช่วยทำให้สุขภาพของหลอดเลือดหัวใจดีขึ้น ช่วยในการทำงานของเรตินาให้เป็นปกติ พบว่าในเรตินามีปริมาณของทอรีนเป็นส่วนประกอบค่อนข้างสูง ช่วยควบคุมปริมาณน้ำในเซลล์ ช่วยควบคุมการส่งผ่านแคลเซียมอิออนในผนังเซลล์ เป็นต้น