ซีบัคธอร์น หรือ sea buckthorn คือ ชื่อของผลไม้ชนิดหนึ่งที่คนไทยอาจไม่ค่อยคุ้นเคยนัก เพราะโดยปกติแล้วผลไม้ชนิดนี้มักขึ้นในบริเวณที่มีอุณหภูมิหนาวจัด เช่น ที่ราบสูงในประเทศจีน รัสเซีย หรือในทวีปยุโรป ผลสดสามารถกินได้ แต่ส่วนใหญ่นิยมนำเมล็ดมาสกัดเป็นน้ำมันเพื่อใช้กิน ทา หรือใส่เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง บทความนี้จะพาไปดูกันว่าซีบัคธอร์นมีประโยชน์ในด้านใดบ้าง
ซีบัคธอร์น (Sea Buckthorn) คืออะไร
ซีบัคธอร์น (Sea Buckthorn) หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ Hippophae Rhamnoides เป็นพืชตระกูลเบอร์รี ต้นมีลักษณะเป็นพุ่มไม้ขนาดใหญ่ สูงราว 6-7 เมตร พบได้ทั่วไปตามธรรมชาติในแถบทวีปยุโรปและเอเชีย แต่จะพบมากบริเวณที่สูงบนเทือกเขาหิมาลัย
จุดเด่นคือเป็นพืชที่มีความแข็งแรงทนทานมาก เพราะสามารถเติบโตได้ดีแม้ในสภาวะที่แห้งแล้งหรือหนาวเย็น ผลมีขนาดเล็ก เป็นทรงรีขนาดประมาณ 1-2 ซม. สีออกเหลืองส้ม กลิ่นคล้ายสับปะรด ผลดิบมีรสฝาด แต่ผลสุกจะมีรสชาติเปรี้ยวจัด แต่อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารมากมายที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
คุณค่าทางสารอาหารของซีบัคธอร์น
ผล ใบ และเมล็ดของซีบัคธอร์น ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวางในการดูแลสุขภาพ อีกทั้งยังปรากฏว่ามีการนำซีบัคธอร์นมาใช้เป็นยาแผนโบราณนานนับพันปี เพราะในซีบัคธอร์นมีสารอาหารที่หลากหลายกว่า 200 ชนิด อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ และกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย ดังนี้
-
วิตามินซี ซีบัคธอร์นแต่ละสายพันธุ์มีปริมาณวิตามินซีแตกต่างกัน แต่โดยเฉลี่ยแล้วซีบัคธอร์น 100 กรัม ให้วิตามินซีสูงถึง 700 มิลลิกรัม ซึ่งสูงกว่าส้มถึง 15 เท่า และสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ เช่น สตรอว์เบอร์รี กีวี ฝรั่ง ฯลฯ จึงเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี ที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ บำรุงร่างกาย บำรุงผิวพรรณ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง ลดเลือนริ้วรอย และยังช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้อีกด้วย
-
วิตามินอี ซีบัคธอร์นเป็นผลไม้ที่มีวิตามินอีสูง จึงมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ยืดหยุ่น ลดเลือนรอยแผลเป็น และริ้วรอยแห่งวัย ช่วยให้ผิวแข็งแรง และทนต่อรังสี UV จากแสงแดดได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด ลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอัลไซเมอร์ และโรคพาร์กินสัน1
-
ฟีนอล พบในซีบัคธอร์น ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยยับยั้งการอักเสบ ปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ2 เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น
-
เบต้าแคโรทีน เบต้าแคโรทีน มักพบในผักผลไม้ที่มีสีส้ม มีสรรพคุณช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์อันเกิดจากอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอวัย ลดริ้วรอยและความเหี่ยวย่น ให้ผิวดูกระชับ กระจ่างใส นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงสายตา และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายด้วย
-
Omega 7 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่พบในพืชเพียงไม่กี่ชนิด หนึ่งในนั้น คือ ซีบัคธอร์น มีสรรพคุณช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงาน ไม่สะสมจนเป็นไขมันส่วนเกิน ช่วยลดคอเลสเตอรอล เพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด4
-
ไลโคปีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งพบในพืชเท่านั้น ร่างกายไม่สร้างขึ้นมาเองได้ มีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิว ปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำร้ายจากแสงแดดและมลภาวะ ลดความหมองคล้ำ บรรเทาอาการผิวไหม้แดด ช่วยให้ผิวสว่างกระจ่างใส และยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับยืดหยุ่น ดูอ่อนกว่าวัย
ซีบัคธอร์นช่วยอะไร
ซีบัคธอร์นอุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะวิตามิน A C K E ธาตุเหล็ก แคลเซียม แมงกานีส และซิงค์ เป็นต้น จึงมีสรรพคุณในการชะลอวัย บำรุงผิว บำรุงร่างกาย ดังนี้
ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ซีบัคธอร์นเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินซีสูง โดยเฉพาะสารฟลาโวนอยด์ที่สามารถออกฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบได้ และหากกินซีบัคธอร์นควบคู่กับสมุนไพรอื่นๆ เช่น เห็ดหลินจือ เอลเดอร์เบอร์รี ก็จะยิ่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระให้กับร่างกายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น
ผลการวิจัยพบว่า ซีบัคธอร์นช่วยเพิ่มฮอร์โมนเลปติน และนิวโรเปปไทด์ ทำให้เกิดความอยากอาหารเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญ3 บรรเทาอาการกรดไหลย้อน จุกเสียด แน่นท้อง
ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
ซีบัคธอร์นมีสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณสูง และหลากหลายชนิด จึงสามารถช่วยยับยั้ง และชะลอการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) ปกป้องเซลล์ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ และเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง จึงมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้ นอกจากนี้ ยังมีผลการวิจัยว่า สารเควอซินทินในซีบัคธอร์นสามารถยับยั้งการขยายตัว และทำลายเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย5
ผิวกระจ่างใส ปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระ
ซีบัคธอร์นไม่เพียงแต่นิยมนำมาใช้กินเท่านั้น แต่ยังนิยมใช้เป็นส่วนผสมในสกินแคร์ หรือเครื่องสำอางต่างๆ อีกด้วย เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารมากมายที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น ไขมันไม่อิ่มตัว ไฟโตสเตอรอล แคโรทีนอยด์ วิตามิน E และวิตามิน C ซึ่งล้วนแต่มีสรรพคุณช่วยบำรุงผิว พร้อมฟื้นฟูเซลล์ผิวให้แข็งแรง
ส่งเสริมการทำงานของหัวใจ
ในซีบัคธอร์นมีสารที่ชื่อว่า ไฟโตสเตอรอล โดยมีลักษณะโครงสร้างทางโมเลกุลที่คล้ายกับคอเลสเตอรอล ซึ่งเป็นไขมันชนิดไม่ดี (LDL) จึงสามารถจับตัวกับคอเลสเตอรอลที่มาพร้อมกับอาหาร และถูกกำจัดออกจากร่างกายไปพร้อมกับอุจจาระ ทำให้คอเลสเตอรอลที่เหลือมีปริมาณลดลง และดูดซึมเข้าสู่ร่างกายน้อยลง จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะไขมันอุดตัน รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด6
ปรับฮอร์โมน ลดอารมณ์วัยทอง
เมื่อผู้หญิงเข้าสู่วัยกลางคน ร่างกายจะหยุดผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน และทำให้เกิดอาการต่างๆ ตามมา เช่น อารมณ์แปรปรวน ร้อนวูบวาบ นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย ปวดข้อ และกล้ามเนื้อ ฯลฯ ซึ่งฟลาโวนอยด์ที่พบมากในซีบัคธอร์นนั้น มีโครงสร้างเหมือนกับฮอร์โมนเอสโตรเจน จึงช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกิดจากการเข้าสู่วัยกลางคน และยังช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น กระชับ แลดูอ่อนกว่าวัย
ลดอาการระคายเคืองดวงตา
ผลจากการวิจัยพบว่าซีบัคธอร์นสามารถช่วยลดอาการตาแดง แสบตา ตาแห้ง ระคายเคืองตาได้ เพราะในซีบัคธอร์นอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตา เช่น กรดไขมันไม่อิ่มตัว วิตามิน A C E สังกะสี ซิงค์ และไลโคปีน ที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตา และเพิ่มความชุ่มชื้นให้เนื้อเยื่อ
บำรุงเส้นผม
ซีบัคธอร์นมีเลซิติน ซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่ง ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ไปเลี้ยงสมองได้ดี จึงช่วยบำรุงหนังศีรษะ ฟื้นฟูผมที่แห้งเสียให้นุ่มสลวย แข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วง และช่วยกำจัดความมันส่วนเกินบนหนังศีรษะ อีกทั้งยังมีวิตามิน A B E และ Omega7 ที่ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม บำรุงเส้นผมให้แข็งแรง และช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะ
บำรุงตับ
ซีบัคธอร์นอุดมไปด้วยไขมันดี วิตามิน E และแคโรทีนอยด์ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ตับจากการถูกทำลาย โดยจากการศึกษาแบบทดลองสุ่มตัวอย่างพบว่า ผู้ป่วยโรคตับแข็งที่กินสารสกัดจากซีบัคธอร์นครั้งละ 15 กรัม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 6 เดือน มีค่าตับที่ลดลง และภาวะตับอักเสบดีขึ้น7
ลดระดับน้ำตาลในเลือด8
จากการวิจัยพบว่า ซีบัคธอร์นช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างรวดเร็ว คาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากโพลีฟีนอลที่อยู่ในซีบัคธอร์น ซึ่งส่งผลต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ย่อยแป้ง และเปลี่ยนเป็นน้ำตาล อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน และเพิ่มความไวต่ออินซูลิน จึงช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่อยู่ในระดับปกติ8
ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงกินผลซีบัคธอร์นได้หรือไม่
จากการวิจัยพบว่า ซีบัคธอร์น มีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ และหลอดเลือด รวมทั้งยังป้องกันความดันโลหิตสูง ลดการแข็งตัวของเลือด ลดไขมันในเลือด และต้านอนุมูลอิสระ โดยมีการทดสอบให้อาสาสมัครผู้มีระดับความดันโลหิตสูงสุ่มรับน้ำมันเมล็ดซีบัคธอร์น 0.75 มล. และน้ำมันทานตะวัน เป็นเวลา 30 วัน ผลปรากฏว่า ผู้มีความดันโลหิตสูงที่ได้รับน้ำมันเมล็ดซีบัคธอร์นต่อเนื่อง มีระดับความดันโลหิตกลับเป็นปกติ ดังนั้น ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงจึงสามารถกินซีบัคธอร์นได้9
สรุป
ซีบัคธอร์น (sea buckthorn) เป็นพืชตระกูลเบอร์รี มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปเอเชียและยุโรป เป็นพืชที่ชอบขึ้นในบริเวณที่อากาศหนาวเย็น ผลไม้สีส้มขนาดเล็กนี้อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารมากมาย ทั้งวิตามิน เกลือแร่ สารต้านอนุมูลอิสระ และกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย จึงถูกนำไปใช้ประโยชน์ในหลายด้าน มีหลายงานวิจัยที่รับรองว่า ซีบัคธอร์นมีส่วนช่วยในการเสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงหัวใจ บำรุงตับ บำรุงสายตา บำรุงเส้นผม ลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด และบรรเทาอาการวัยทอง