การออกกำลังกายแบบ High Intensity Interval Training หรือ hiit คือ การออกกำลังกายแบบเข้มข้นสูง  จัดอยู่ในกลุ่มการออกกำลังกายแบบไม่ใช้ออกซิเจน โดยจะออกกำลังกายแบบหนักสลับแบบเบาประมาณ 10 - 30 นาที ทำให้เกิดกระบวนการเผาผลาญมากกว่าปกติ และต่อเนื่องแม้ช่วงหลังออกกำลังกายแล้ว

แนะนำสูตรการออกกำลังกายแบบ HIIT

แนะนำสูตรการออกกำลังกายแบบ HIIT

การออกกำลังกายแบบ HIIT คือ การออกกำลังกายแบบหนักสลับเบา โดยมีการจัดอัตราส่วนเวลาในการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ซึ่งอัตราส่วนของตารางการออกกำลังกายแบบ HIIT ที่ใช้กันทั่วไป ได้แก่ 

  • อัตราส่วน 1:3 ออกกำลังกายหนัก 15 วินาที สลับออกกำลังกายเบา 45 วินาที

  • อัตราส่วน 1:2 ออกกำลังกายหนัก 15 วินาที สลับออกกำลังกาย 30 วินาที

  • อัตราส่วน 1:1 ออกกำลังกายหนัก 30 วินาที สลับออกกำลังกายเบา 30 วินาที

ตัวอย่างท่าออกกำลังกายที่นิยม

  • เดินสลับวิ่งเร็ว (Walk and Sprint) หรือ การวิ่งเหยาะๆ สลับวิ่งเร็ว (Jog and Sprint) เดินหรือวิ่งช้า 30 วินาที สลับวิ่งเร็ว 30 วินาที ทำซ้ำ 10 รอบ เป็นการออกกำลังกายที่เหมาะกับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น

  • กระโดดตบ (Jumping jacks)ควรเริ่มด้วยจำนวน 50 ครั้ง พัก 1 นาที ทำซ้ำอย่างน้อย 5 รอบ สำหรับท่านี้สามารถเพิ่มความหนักในการออกกำลังกายด้วยกระโดดเขย่งปลายเท้าได้

  • วิดพื้น (Push Up) เริ่มด้วยการวิดพื้น 10 ครั้ง สลับกับพัก 30 วินาที ทำซ้ำ 10 รอบ แต่ในการออกกำลังควรจัดท่าให้ข้อศอกอยู่ใกล้เอวมากที่สุด ส่วนใครที่วิดพื้นไม่เป็นสามารถงอเข่าติดพื้นได้ เพื่อเพิ่มความสะดวกมากขึ้น

  • วิดพื้นคู่กับสควอท (Push up and Squat) เริ่มต้นด้วยการวิดพื้น 10 ครั้ง สลับกับการสควอท 10 ครั้ง พัก 30 วินาที ทำซ้ำ 5 – 10 รอบ แต่ถ้าอยากเพิ่มความหนักในการออกกำลังกายเซตนี้มากขึ้นให้เปลี่ยนเป็นวิดพื้นสลับสควอท 10 ครั้ง พัก 30 นาที ทำซ้ำ 5 – 10 รอบ

  • การวิ่งเร็ว วิดพื้น และสควอท (Sprint, Push Up and Squat) เริ่มต้นด้วยการวิ่งเร็ว 15 วินาที วิดพื้น 10 ครั้ง และสควอท 10 ครั้ง ทำซ้ำ 5 – 10 รอบ อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายเซ็ทนี้เหมาะสำหรับคนที่มีร่างกายแข็งแรงและมีการออกกำลังแบบ HIITอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่เหมาะกับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นออกกำลังกายเพราะเป็นการออกกำลังกายที่ค่อนข้างหนัก ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้

ประโยชน์ของการออกกำลังกายแบบ HIIT

ประโยชน์ของการออกกำลังกายแบบ HIIT

HIIT คือ การออกกำลังกายประเภทหนึ่ง ดังนั้นประโยชน์หลักประการแรกนั้นก็หนีไม่พ้นช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย แต่เนื่องจากเป็นการออกกำลังกายที่ค่อนข้างหนักหน่วง เน้นความเร็ว ความหนัก แม้จะเป็นการออกกำลังกายในช่วงเวลาสั้นประมาณ 10 – 30 นาที แต่ก็เป็นการออกกำลังที่ใช้กล้ามเนื้อร่างกายทุกส่วนอย่างเต็มที่ 

อีกทั้งในช่วงออกกำลังกายหนักอัตราการเต้นของหัวใจจะปรับสูงขึ้น 85% – 90% ทำให้การออกกำลังกายแบบ HIIT นั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายในมุมอื่นๆ ด้วย ดังนี้

เพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกาย

ปกติแล้วถ้าพูดถึงการออกกำลังกายเพื่อเร่งกระบวนการเผาผลาญภายในร่างกาย หลายคนคงคุ้นเคยกับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio) แต่หากต้องการเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกายมากขึ้น HIIT workout คือ การออกกำลังที่ยกระดับการเผาผลาญของร่างกายได้มากกว่า 

เพราะภายหลังออกกำลังร่างกายจะเกิดภาวะ Afterburn Effect  หรือกระบวนการ  EPOC (Excess Post-Exercise Oxygen Consumption) เพราะระหว่างการออกกำลังกายจะไม่มีการใช้ออกซิเจน ร่างกายจึงมีการชดเชยออกซิเจนในช่วงหลังจากออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายยังคงเกิดการเผาผลาญพลังงานอย่างต่อเนื่อง หากการออกกำลังแบบ HIIT ต่อเนื่องนาน 3 เดือน จะสามารถช่วยกระตุ้นระดับการใช้พลังงานจากอัตราการเผาผลาญได้มากขึ้น[1]

เผาผลาญแคลอรีในเวลาสั้นๆ

จุดเด่นเรื่องระยะเวลาการเผาผลาญพลังงานภายในระยะเวลาสั้นเป็นอีกหนึ่งประโยชน์ที่ทำให้ HIIT คือ การออกกำลังยอดนิยมของคนที่ต้องการลดน้ำหนัก เพราะนอกจากจะใช้เวลาในการออกกำลังกายสั้นแล้ว ยังเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกายได้มากกว่าการออกกำลังกายแบบ คาร์ดิโอ (Cardio)

โดยงานวิจัยของ Falcone PH และคณะ ซึ่งศึกษาเปรียบเทียบระหว่างการออกกำลังกายแบบ HIIT แบบออกกำลังกายหนัก 20 วินาที พัก 40 วินาที ด้วยไฮโดรลิก การเวทเทรนนิ่ง การวิ่งบนลู่วิ่ง และการปั่นจักรยาน พบว่าการ HIIT ด้วยไฮโดรลิก เผาผลาญพลังงานได้มากกว่าการออกกำลังกายแบบอื่นกว่า 25% – 30%[2]

ลดการสะสมของไขมันในร่างกาย

คาร์โบไฮเดรต เป็นแหล่งพลังงานหลักที่ใช้ในระหว่างออกกำลังแบบ HIIT แต่หลังจากสูญเสียคาร์โบไฮเดรตแล้ว ร่างกายจะนำไขมันในร่างกายมาใช้แทน ทำให้การออกกำลังแบบ HIIT สามารถลดน้ำหนักและไขมันในร่างกายได้

มีงานวิจัยทั้งในไทยและต่างประเทศที่ศึกษามากมายที่รองรับว่าการออกกำลังแบบ HIIT สามารถลดการสะสมของไขมันในร่างกาย รวมถึงรอบเอวของผู้ที่ออกกำลังกายด้วยวิธีนี้ จากรายงานว่าถ้าจัดตารางการออกกำลังกายแบบ HIIT สัปดาห์ละครั้งต่อเนื่อง 10 สัปดาห์ จะช่วยลดมวลไขมันและรอบเอวได้อย่างมีนัยสำคัญ[3] 

เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

ด้วยท่วงท่าและความรวดเร็วในขยับร่างกาย ทำให้การออกกำลังแบบ HIIT ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในร่างกาย ซึ่งมีงานวิจัยหลายชิ้นในกลุ่มนักกีฬารับรองว่าการฝึกแบบหนักสลับพัก ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและลดมวลไขมันที่ขาในกลุ่มนักกีฬาวัยรุ่นเพศชาย[4]

รวมทั้งยังมีการศึกษาในกลุ่มของนักกีฬาฮอกกี้พบว่าการออกกำลังแบบ HIIT ระยะสั้นจะช่วยกระตุ้นความหนาของกล้ามเนื้อ เสริมพลัง และประสิทธิภาพในการเล่นกีฬาบนน้ำแข็งมากขึ้น [5]

ลดความดันโลหิต

การออกกำลังแบบ HIIT สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ โดยมีทั้งการวิจัยในกลุ่มคนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานหรือผู้ป่วยโรคอ้วน[6]และงานวิจัยของ Benjamin และคณะที่ศึกษาในกลุ่มคนทั่วไปที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงอายุเฉลี่ยประมาณ 33 ปี หลังจากออกกำลังกายแบบ HIIT ประมาณ 8 สัปดาห์ ช่วยให้ความดันลดลงและเพิ่มสมรรถภาพของร่างกาย[7]

นอกจากนั้นยังมีการวิจัยที่สนับสนุนว่าการออกกำลังแบบ HIIT ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและโรคหัวใจ เมื่อทำครั้งละ 10 -30 นาที ต่อเนื่องกัน 2 – 3 สัปดาห์[8]

โปรตีนสารอาหารสำคัญสำหรับคนออกกำลังกาย

โปรตีน เป็นสารอาหารสำคัญของคนออกกำลังกาย เนื่องจากในระหว่างออกกำลังกล้ามเนื้อเป็นส่วนที่มีการใช้งานมากที่สุด จึงจำเป็นต้องรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เพื่อให้โปรตีนเข้าไปซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งในกรณีคนปกติควรได้รับปริมาณโปรตีน 0.8 – 1 กรัมต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ส่วนคนที่ออกกกำลังกายควรได้รับปริมาณโปรตีน 1 – 1.2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม แต่ถ้าเป็นคนออกกำลังที่เน้นการสร้างกล้ามเนื้อควรได้รับโปรตีน 1.5 - 2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยควรรับประทานดังนี้

  • การรับประทานโปรตีนก่อนออกกำลังกาย

ก่อนออกกำลังกายอาจไม่สามารถกำหนดได้อย่างชัดเจนว่าควรรับประทานโปรตีนเวลาไหน เพราะร่างกายได้รับโปรตีนและพลังงานมาตลอดทั้งวัน แต่แนะนำให้ดูสิ่งที่รับประทานก่อนออกกำลังกาย หากเป็นอาหารหนักท้องควรให้ห่างจากการออกกำลังกายประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อให้อาหารในกระเพาะย่อยได้ทันและป้องกันไม่ให้เกิดอาการจุกเสียดระหว่างออกกำลังกาย แต่ถ้าเป็นอาหารประเภทกินเล่นหรือผลไม้ อย่างกล้วยหอม เอนเนอร์จี้บาร์ หรือโยเกิร์ต ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 30 นาที

  • การรับประทานโปรตีนหลังออกกำลังกาย

หลังออกกำลังนอกจากจะรู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว ระดับไกลโคเจนในร่างกายยังลดลง ซึ่งหากไม่รับประทานโปรตีน จะส่งผลเสียต่อกระบวนการสร้างกล้ามเนื้อและระบบเผาผลาญ ทำให้กล้ามเนื้อลดลงและน้ำหนักเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้หลังจากออกกำลังเรียบร้อยแล้วไม่ควรปล่อยให้ท้องว่าง จำเป็นต้องรับประทานอาหารเพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานไปกระตุ้นการสร้างไกลโคเจนและกล้ามเนื้อ สำหรับสารอาหารที่แนะนำ ได้แก่ ขนมปังโฮลวีท อกไก่ นมช็อกโกแลตไขมันต่ำ อัลมอนด์ และส้ม เป็นต้น

อ่านข้อมูลเกี่ยวกับโปรตีนเพิ่มเติม คลิก

โปรตีนสารอาหารสำคัญสำหรับคนออกกำลังกาย

การออกกำลังกายแบบ HIIT เหมาะกับทุกคนหรือไม่

การออกกำลังแบบ HIIT นั้นไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะการออกกำลังแบบ HIIT คือ การออกกำลังกายแบบเต็มที่ เหมือนพาร่างกายเข้าไปอยู่ในสภาวะหนีตาย จึงทำให้การออกกำลังกายประเภทนี้เหมาะสำหรับคนที่มีสุขภาพแข็งแรง

แต่ในช่วงแรกเพื่อปรับร่างกายให้คุ้นชิน แนะนำว่าให้ออกกำลังสัปดาห์ละครั้งและไม่ควรหักโหมเกินไป เมื่อคุ้นชินแล้วค่อยปรับเพิ่มเป็น 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนกลุ่มที่ควรระมัดระวังและปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจออกกำลังแบบ HIIT คือ

  • คนที่มีโรคประจำตัว อย่างความดันโลหิต โรคหัวใจ และหลอดเลือด เนื่องด้วยเป็นการออกกำลังกายที่มีอัตราการเต้นของหัวใจสูง

  • คนที่มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ เพราะการออกกำลังแบบ HIIT เป็นการออกกำลังกายแบบหนักสลับเบา จึงมีอัตราการหายใจสูง หากมีปัญหาระบบทางเดินหายใจอาจทำให้หายใจไม่ทันในระหว่างการออกกำลังกาย

  • คนที่มีปัญหากระดูกไม่แข็งแรงหรือกระดูกหัก เพราะการออกกำลังแบบ HIIT เป็นการออกกำลังกายที่ใช้แรงและมีการเคลื่อนไหวร่างกายทุกส่วน

  • คนที่ผ่านการผ่าตัด ตั้งครรภ์ หรือคลอดบุตร เพราะการออกกำลังแบบ HIIT มีใช้แรงและการกระแทกค่อนข้างมาก อาจทำให้เกิดการกระเทือนได้

  • คนที่น้ำหนักตัวมาก ถือว่าเป็นกลุ่มที่สามารถออกกำลังแบบ HIIT ได้ แต่ควรเลือกท่าที่ไม่แรงกระแทกสูง

เริ่มต้นออกกำลังกายแบบ HIIT ให้ได้ประโยชน์มากกว่าโทษ

เริ่มต้นออกกำลังกายแบบ HIIT ให้ได้ประโยชน์มากกว่าโทษ

สำหรับคนที่กำลังสนใจและตั้งใจจะ ออกกําลังกายแบบ HIIT เริ่มต้นต้องมีการวางแผนการออกกำลังกายให้ชัดเจน เพราะหากออกผิดวิธีนอกจากไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แล้ว ยังอาจทำให้ร่างกายบาดเจ็บโดยไม่จำเป็นอีกด้วย ถ้าอยากออกกำลังแบบ HIIT ควรเริ่มต้นจาก

กำหนดความถี่ในการออกกำลังกาย

ถ้าเป็นการออกกำลังกายปกติมีคำแนะนำให้ออกกำลังกายประมาณ 15 – 30 นาทีต่อวัน เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง แต่หากเป็นการออกกำลังแบบ HIIT แนะนำให้ทำเพียง 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 10 – 30 เท่านั้น ทั้งนี้เพราะ HIIT คือ การออกกำลังกายที่มีความรุนแรงมากกว่าการออกกำลังกายปกติ จึงต้องเว้นระยะให้ร่างกายได้พักฟื้น อย่างไรก็ตามในกรณีที่เป็นมือใหม่ไม่เคยออกกำลังกายรูปแบบนี้มาก่อน ควรเริ่มที่ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ให้ร่างกายได้ปรับตัวก่อน แล้วค่อยๆ ปรับความถี่เพิ่มขึ้น

เลือกรูปแบบและวางตารางการออกกำลังกาย

รูปแบบการออกกำลังกายและการวางตารางการออกกำลังกายแบบ HIITเป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเลือกได้หลายรูปแบบ แต่ควรพิจารณาจากสภาพร่างกายของตัวเองเป็นหลัก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้น ควรเริ่มจากการออกกำลังกายเพียงท่าเดียว อย่างการวิ่งตามสูตร 1:1 วิ่งหนัก 30 วินาที วิ่งเหยาะ 30 วินาที 

แต่ถ้าออกกำลังกายต่อเนื่องและร่างกายแข็งแรง สามารถเลือกออกกำลังหลายๆ ท่าได้ เช่น การออกกำลังท่าวิดพื้น และ สควอท (Push Up and Squat) ซึ่งเริ่มต้นด้วยการวอร์มร่างกาย 5 นาที วิดพื้น 10 ครั้ง สควอท 10 ครั้ง พัก 30 วินาที ทำซ้ำ 5 – 10 รอบ เมื่อทำครบแล้วให้ Cool Down ร่างกายด้วยการวิ่งหรือซิทอัพเบาๆ ประมาณ 5 นาที

วอร์มร่างกาย

แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องทำก่อนการออกกำลังแบบ HIIT คือ การวอร์มหรือการอบอุ่นร่างกายให้อัตราการเต้นของหัวใจค่อยๆ ปรับสูงขึ้น เพื่อให้ระบบหลอดเลือดและหัวใจสูบฉีดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ และช่วยให้กล้ามเนื้อร่างกายพร้อมสำหรับออกกำลังกายหนักๆ อย่าง HIIT ด้วย นอกจากนั้นยังเป็นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะหน้ามืด เป็นลม หรือหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันด้วย สำหรับท่าที่เหมาะกับการวอร์มร่างกาย ได้แก่ ท่าสควอท ท่าเตะขาไปข้างหน้า ท่ากระโดดเชือก หรือท่าวิ่งเหยาะกับที่ โดยควรทำประมาณ 5 – 10 นาทีก่อนออกกำลังกาย

เลือกทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

การออกกำลังอย่างหนักติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้สูญเสียกล้ามเนื้อ10 ดังนั้นสำหรับใครที่ออกกำลังกายแบบ HIIT ควรให้ความสนใจกับการรับประทานอาหารเป็นพิเศษ โดยควรเน้นเลือกกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทั้งไขมัน เกลือแร่ วิตามิน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต  เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไขมันดี อีกทั้งไม่ควรอดอาหาร เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อวันและครบถ้วน ทั้งก่อนออกกำลังกายและหลังออกกำลังกาย โดยเฉพาะโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต ที่มีส่วนช่วยให้ออกกำลังกายได้นานขึ้นและเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อไปได้ในตัว

  • คาร์โบไฮเดรตสามารถย่อยได้เร็ว ทำให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที 

  • โปรตีนจะช่วยกระตุ้นการดูดซึมพลังงาน และเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

ด้วยเหตุนี้ก่อนออกกำลังกายประมาณ 2 ชั่วโมง จึงควรรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง โปรตีนปานกลาง และมีครบทั้งวิตามิน เกลือแร่ และไขมัน แต่ถ้ามีเวลาน้อยอาจเลือกเป็นผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารที่มีสารอาหารเหมาะสม

ขณะที่หลังออกกำลังกายควรรับประทานอาหารภายใน 30 นาทีแรก เพื่อเพิ่มพลังงาน ไกลโคเจน และกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังออกกำลังกายแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงที่เป็นตัวการสำคัญที่ขัดขวางกระบวนการดูดซึมของร่างกาย พร้อมดื่มน้ำเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำระหว่างออกกำลังกาย

จะเห็นได้ว่า HIIT หรือ High intensity interval Training คือ ทางเลือกด้านสุขภาพที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยเผาผลาญพลังงานและลดไขมันสะสมในร่างกายแล้ว หากทำงานสม่ำเสมอทำให้ร่างกายแข็งแรงและเพิ่มกล้ามเนื้ออีกด้วย แต่ถึงอย่างไรคนที่เหมาะกับการออกกำลังแบบ HIIT คือ กลุ่มที่มีร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี และมีการเตรียมพร้อมทั้งเรื่องอาหารและตารางการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ส่วนคนที่มีปัญหาสุขภาพควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย


ข้อมูลอ้างอิง

  1. A Tremblay, J A Simoneau, C Bouchard. Impact of exercise intensity on body fatness and skeletal muscle metabolism. Pubmed.ncbi.nlm.nih.gov. Published Online July 1994 Retrieved 29 January 2023.

  2. Paul H Falcone, Chih-Yin Tai, Laura R Carson, Jordan M Joy, Matt M Mosman, Tyler R McCann, Kevin P Crona, Michael P Kim, Jordan R Moon. Caloric expenditure of aerobic, resistance, or combined high-intensity interval training using a hydraulic resistance system in healthy men. Pubmed.ncbi.nlm.nih.gov. Published Online March 2015. Retrieved 29 January 2023.

  3. M Wewege, R van den Berg, R E Ward, A Keech. The effects of high-intensity interval training vs. moderate-intensity continuous training on body composition in overweight and obese adults: a systematic review and meta-analysis. Pubmed.ncbi.nlm.nih.gov. Published Online June 2017. Retrieved 29 January 2023.

  4. Chareerat Udomvirojsin, Patcharee Tongkampanit EFFECT OF HIGH INTENSITY INTERVAL CIRCUIT TRAINING PROGRAM ON OVERWEIGHT STUDENTS’ BODY COMPOSITION. Academic Journal of Thailand National Sports University. Published Online 28 December 2022. Retrieved 29 January 2023.

  5. Prasit Peepathum, Achariya Anek THE EFFECTS OF SUPRAMAXIMAL HIGH-INTENSITY INTERMITTENT TRAINING ON FAT MASS AND LEAN MASS IN YOUNG MALE ATHLETES. Journal os sport science and Health. Published Online 30 April 2019.. Retrieved 29 January 2023.

  6. M A Naimo, E O de Souza, J M Wilson, A L Carpenter, P Gilchrist, R P Lowery, B Averbuch, T M White, J Joy High-intensity interval training has positive effects on performance in ice hockey players. Httpubmed.ncbi.nlm.nih.gov. Published Online January 2015. Retrieved 29 January 2023.

  7. Romeo B Batacan Jr, Mitch J Duncan, Vincent J Dalbo, Patrick S Tucker, Andrew S Fenning. Effects of high-intensity interval training on cardiometabolic health: a systematic review and meta-analysis of intervention studies. Bjsm.bmj.com. Published Online 20 October 2016. Retrieved 29 January 2023.

  8. Benjamin C Skutnik, Joshua R Smith, Ariel M Johnson, Stephanie P Kurti , Craig A Harms. The Effect of Low Volume Interval Training on Resting Blood Pressure in Pre-hypertensive Subjects: A Preliminary Study. Pubmed.ncbi.nlm.nih.gov. Published Online 17 March 2017. Retrieved 29 January 2023.

  9. Jenna B Gillen, Martin J Gibala.  Is high-intensity interval training a time-efficient exercise strategy to improve health and fitness?. Applied Physiology, Nutrition and Metabolism. March 2014;39(3):409-12. Published Online 27 September 2013. Retrieved 29 January 2023.ฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจปอดและความฟิต โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา. ภาวะกล้ามเนื้อสลายหลังออกกำลังกาย…อันตรายที่ควรป้องกัน !!!. synphaet.co.th. Published online 21 March 2022. Retrieved 15 February 2023.

shop now